29/3/60







จากกรณีมีกลุ่มชาวบ้าน ใน ต.ข้าวเม่า อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา ร้องเรียนถึงมีการทาสี เหลืองที่พระพุทธโบราณ สมัยกรุงศรีอยุธยา ที่อยู่ภายในวิหารของวัดโกโรโกโส ต.ข้าวเม่า อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา ที่ชาวบ้านให้ความเคารพกราบไหว้ เรียกกันว่าหลวงพ่อดำ หรือหลวงพ่อแก้ว จากเดิมที่เป็นสีดำมองดูแลไม่เหมาะสม โดยพระครูปลัดกิ่ง คุณวโร อายุ 83 ปี ผู้ดูแลวัด สีเหลืองที่เห็นเป็นสีของรัก ซึ่งเตรียมที่จะปิดทองทั้งองค์พระ พร้อมที่จะยกเลิกการบูรณะหากชาวบ้านไม่เห็นด้วย ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าล่าสุด วันที่ 28 มี.ค. พระครูเกษมพัฒนาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดโตนดเตี้ย และเจ้าคณะอำเภออุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา นายศิริชัย อัมพวา นายอำเภออุทัย พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ นายประทีบ ตรีโภคา คณะกรรมการวัดสะแก พร้อมด้วยกำนันผู้ใหญ่บ้าน คณะกรรมการวัด เข้าตรวจสอบที่วัดโกโรโกโส





โดนชาวบ้านและคณะกรรมการวัดที่เข้าไปดูถึงกับเสียใจกับภาพที่มองเห็นหลวงพ่อดำมาถูกทาสีเป็นสีเหลืองทั้งองค์ นอกจากนี้ยังพบว่า มีการเข้ามาอยู่อาศัยของชาวบ้านส่วนหนึ่ง การก่อสร้างอาคารบางส่วนขัดกับความเป็นโบราณสถาน เป็นภาพที่มองแล้วไม่สวยงาม ไม่เหมาะสม หลังจากได้ทำการตรวจสอบร่วมกันแล้วทั้งหมดได้เข้าร่วมประชุมเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น

พระครูเกษมพัฒนาภรณ์ กล่าวว่า วัดโกโรโส ซึ่งเป็นวัดร้าง อยู่ในความรับผิดชอบของสำนักงานพระพุทธศาสนา มอบหมายให้วัดสะแก เป็นผู้ดูแล ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกันมีคลองกั้น ต่อมาพระปลัดกิ่ง ได้เข้ามาจำวัด อยู่นานหลายปี จนกระทั้งมีการทาสีองค์หลวงพ่อดำ โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเป็นพระพุทธรูปโบราณ ขึ้นกับกรมศิลปากร การดำเนินการดังกล่าวไม่เหมาะสมและผิดขั้นตอน ขอให้ยุติการดำเนินการทั้งหมด พร้อมกับประสานให้กรมศิลปากรเข้ามาแก้ไขให้องค์หลวงพ่อดำกลับมาดังเดิม ส่วนพระปลัดกิ่ง การเข้ามาจำพรรษาที่วัดและมีการจัดทอดผ้าป่า ไม่มีการแจ้งให้ทางวัดสะแกทราบเลยตลอดเวลาที่มาอยู่หลายสิบปี จึงขอให้กลับไปจำวัดที่วัดสะแกตามเดิม ภายใน 20 วัน พร้อมกันนี้ให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาในการดูแลวัดโกโรโส เตรียมที่จะยกเป็นวัด เพราะมีประวัติความเป็นมา ควรค่าแก่การศึกษา

พระปลัดกิ่ง กล่าวว่า การทาสีหลวงพ่อดำได้ยุติไปแล้วทันทีที่ชาวบ้านไม่พอใจ ส่วนการที่จะให้ตนกลับไปจำวัดที่วัดสะแก ตนเองไม่ขอไปอยู่ จะขอสึกจากความเป็นพระ ตนเองมาจำพรรษาอยู่วัดก็ได้ปรับปรุงวัดบูรณวัดมาโดยตอลด ใช้เงินที่ญาติโยมมาทำบุญ

พล.ต.ต.วิชัย กล่าวว่า ตนเองพอทราบเรื่องจากชาวบ้านรีบเดินทางมาดูทันที เห็นแล้วไม่สบายใจ กุฎิ มีคนนอกเข้ามาอาศัยอยู่ ปลูกสร้างอาคารต่างๆไม่เหมาะสม โดยเฉพาะองค์หลวงพ่อดำ ตนเองเห็นมาตั้งแต่เด็กๆ มีความสวยงามศักดิ์สิทธิ์ มาทาสีเหลือง เห็นแล้วสลดใจรับไม่ได้ ตนเองจะดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีเอาผิดกับผู้ให้ทำ และผู้ทำ






https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_273409

13/3/60






อดีตพยาบาลสาวหวังช่วยผู้ประสบเหตุรถชน กลับต้องพลีชีพตัวเอง หลังโดนรถพุ่งชนซ้ำอย่างจัง

(12 มี.ค.) สมาชิกเฟซบุ๊ก “ปณวัฒน์ ห้องพัก” ได้โพสต์คลิปนาทีการเกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน ซึ่งทำให้เกิดผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตขึ้น โดยพบว่าเหตุเกิดขึ้นบริเวณถนนสาย 7 ตอนที่ 2 ขาเข้าตัวเมืองชลบุรี หน้าร้านไทยชล ต.หนองข้างคอก อ.เมือง จ.ชลบุรี มีเก๋งประสบอุบัติเหตุชนแท่งแบริเออร์รถพัง มีผู้บาดเจ็บอยู่ในรถ ซึ่งมีคนจอดรถลงไปให้ความช่วยเหลือ แต่ขณะนั้นมีเก๋งอีกคันพุ่งมาด้วยความรวดเร็วและชนเข้าอย่างแรง จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเป็น 4 ราย

พบว่า ผู้เสียชีวิต คือ น.ส.นรินรัตน์ ธนาสิงห์ทอง อดีตพยาบาลสังกัดโรงพยาบาลเอกชล 1 จ.ชลบุรี ซึ่งได้ลงไปเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุในครั้งแรก แต่กลับประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิตดังกล่าว

บริเวณที่เกิดเหตุ เป็นถนนที่กำลังมีการก่อสร้างทาง ช่องจราจรถูกแบ่งออกด้วยแท่งแบริเออร์ หากผู้ใช้ถนนต้องการจะขึ้นทางหลัก ต้องเบี่ยงรถจากเลนซ้ายสุดขึ้นไปบนถนนหลัก ในบางครั้งผู้ไม่ชินเส้นทางอาจไม่ทราบจนขับรถเลยทางเบี่ยงขึ้นทางหลัก ไปชนกับแท่งแบริเออร์ที่กั้นอยู่

ซึ่งบริเวณดังกล่าวเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง เพราะความไม่ชินทางของคนที่ใช้ถนน อีกทั้งไฟส่องสว่างก็ไม่เพียงพอ







http://news.sanook.com/2182450/

10/3/60






กลายเป็นภาพสุดสลด เมื่อมีคลิปเด็กนักเรียนชาย วิ่งเล่นในโรงเรียน แล้วเกิดพลัดตกบ่อน้ำโรงเรียนที่มีความลึกมากกว่า 30 เมตร ต่อหน้าเพื่อนๆ นักเรียน ที่วิ่งเล่นอยู่ด้วยกัน โดยเพื่อนรีบไปบอกครู แต่ไม่มีใครช่วยได้ เพราะไม่มีอุปกรณ์ เครื่องมือ เนื่องจากบ่อน้ำลึกมาก สุดท้าย นักเรียนชายดับสลด




ขณะที่เกิดภาพสลดซ้ำ เมื่อผู้เป็นแม่ของเด็กมาเห็น ก็เกิดอาการสุดช็อก ร่ำไห้ด้วยความเสียใจกับการสูญเสีย จนถึงกับล้มนอนเป็นลม ไม่อยากเชื่อว่าลูกชายวัย 11 ปี ของตัวเองเสียชีวิตแล้ว

โดยบ่อน้ำเก่าขุดมา 10 กว่าปีแล้ว ใกล้กันมีศาลเจ้าแม่ไทรทอง ซึ่งระหว่างที่มีการตรวจสอบจุดเกิดเหตุ มีผู้หญิงคนหนึ่ง มีอาการพูดออกมาว่า เตือนแล้วไม่เชื่อ พูดแล้วไม่ฟัง ให้เอาเครื่องเซ่นไหว้มาไหว้ ชาวบ้านเชื่อเป็นอิทธิฤทธิ์เจ้าแม่ไทรทองที่อยู่ใกล้บ่อน้ำ มาสิงผู้หญิงดังกล่าว ล่าสุด ทางโรงเรียนก็นำเครื่องเซ่นไหว้มาไหว้ศาลเจ้าแม่ไทรทองแล้ว








https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_246685

9/3/60






คืบหน้า ขุดพบโครงกระดูก ในไหโบราณที่ จ.สุรินทร์ ผู้ว่าฯพร้อมนายอำเภอ เจ้าหน้าที่สำนักศิลปากรที่ 12 ตรวจสอบเบื้องต้น อายุ 1,500-2,000 ปี นำไปตรวจสอบ พร้อมนำกลับมาเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์จังหวัดสุรินทร์ ขณะเดียวกันเกิดเหตุวิญญาณเข้าสิงร่างเด็ก และเข้าฝันคนที่มานอนเฝ้า

วันที่ 8 มี.ค. หลังจาก มีการขุดพบโครงกระดูกคนโบราณ ในแปลงนาบนพื้นที่ 5 ไร่ ของนางทวีศักดิ์ นึกดี อายุ 80 ปี เลขที่ 68 บ้านยาง ม.1 ต.ยาง อ.ศีขรภูมิ จ.สุรินทร์ ซึ่งจุดที่พบโครงกระดูกคนโบราณ อยู่ข้างหมู่บ้านยาง ห่างจากองค์การบริหารส่วนตำบลยาง เพียง 500 เมตร เท่านั้น โครงกระดูกอยู่ในไห ลึกลงไปในพื้นดินประมาณ 3 เมตร และพบฟันกรามยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ใกล้กันพบไหใบเล็กและใบใหญ่อีก 2 ใบ ซึ่งไม่มีกระดูกแต่อย่างใด





ซึ่งนายอนุรักษ์ นึกดี อายุ 49 ปี อยู่บ้าน 68 ม.1 บ้านยาง ต.ยาง อ.ศีขรภูมิ จ.สุรินทร์ ลูกชายของนางทวีศักดิ์ นึกดี เป็นผู้ดูแลที่นา เปิดเผยว่า ตนเองฝันเห็นยายแก่ นุ่งโจงกระเบน มาสั่งให้ขุดหาทองคำ ในที่นา หลังจากนั้นก็ขุดพบโครงกระดูกโบราณ สภาพสมบูรณ์ และตลอด 4 วันของการขุดพบโครงกระดูกโบราณบรรจุอยู่ในไห ลึกใต้ดิน 3 เมตร และสื่อมวลชนได้นำเสนอข่าวออกไป ทำให้ประชาชน ในพื้นที่ต่างๆรับทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้น ได้เดินทางมาดูกันเป็นจำนวนมาก ในแต่ละวัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ อบต.ยาง ได้เขียนป้าย และนำเชือกมากั้นไว้ ไม่ให้ประชาชนลงไปจับ ซึ่งจะทำให้เกิดความเสียหาย ยากต่อการตรวจสอบ ของเจ้าหน้าที่สำนักศิลปากร ที่จะเดินทางเข้ามาตรวจสอบและเก็บไปตรวจสอบ และจากความเชื่อของประชาชนในพื้นที่บ้านยาง และเจ้าของที่ดิน ในเรื่องวิญญาณของผู้ตาย ยังไม่ได้ไปเกิดในสรวงสวรรค์ จึงได้จัดงานบรรจุอัฐิ ด้วยการนำวงมโหรี มาบรรเลง ในช่วงกลางวัน และกลางคืนนิมนต์พระสงฆ์มาสวดมนต์ มาติกาบังสุกุล ช่วงเช้าก็มีการทำบุญตักบาตร อุทิศส่วนกุศลให้แก่วิญญาณบรรพบุรุษ ผู้ล่วงลับไปแล้ว ชาวบ้านยังจัดเลี้ยงอาหารแก่ประชาชนทั่วไป ที่มาร่วมงานและมาดูอีกด้วย



ขณะเดียวกัน เมื่อวานนี้ (7 มี.ค.) ได้เกิดเหตุการณ์ แปลกประหลาดเกิดขึ้น เมื่อเด็กหญิงอายุ 15 ปี มาดูโครงกระดูกโบราณ เกิดวิญญาณเข้าสิงร่างของเด็ก ชาวบ้านที่อยู่ใกล้พากันแตกตื่นตกใจเด็กมีอาการ ชักกระตุก พูดขึ้นมาลอยๆ ว่าเป็นวิญญาณของคนโบราณ อยู่ในที่แห่งนี้มานาน พูดหลายครั้ง ชาวบ้านที่อยู่ใกล้ตั้งสติได้ จึงถามว่าวิญญาณเข้าสิงร่างเด็ก ว่าเป็นใครมาจากไหนแล้วเด็กก็พูดออกมาว่า ตนชื่อ สุวรรณมาลัย เป็น ลูก ได้มาตามหาพ่อกับแม่พ่อชื่อ ท้าวเทพมหาชัย แม่นั้นชื่อ สุวรรณมาลา พอตามหาก็รู้ว่าพ่อกับแม่ถูกฆ่าตายแล้ว และตนก็ถูกโจรฆ่าตายเช่นกัน นี่คือคำพูดจากปากเด็กที่พูดออกมาโดยที่ตัวเองไม่รู้สึกตัว

ด้านอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน สังกัด อบต.ยาง(อปพร.)ที่มานอนเฝ้าเข้าเวรยามก็ฝันเห็นเช่นกัน ว่ามีคนมาหา และมายืนถาม อปพร.ว่ามานอนอยู่ที่นี่ทำไมรึจะมาขอหวยหรือ แต่ก็ยังไม่ทันได้รู้อะไรก็มีเพื่อนที่นอนอยู่ด้วยกันมาปลุกเสียก่อน พอตื่นขึ้นมานั้นตนก็รู้สึกกลัวๆเช่นกันจนต้องย้ายที่ไปนอนที่ใหม่


ล่าสุดวันนี้ นายอรรถพร สิงหวิชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ พร้อมด้วย ร.ต.อ.นครินทร์ เกตุสิริ นายอำเภอศีขรภูมิ นายสมเดช ลีลามโนธรรม เจ้าหน้าที่สำนักศิลปากรที่ 12 นครราชสีมา นายศักดินันท์ สุภวรางกูร นายก อบต.ยาง ได้เดินทางมาตรวจสอบสภาพโครงกระดูกที่บรรจุในไหโบราณ ซึ่งมีโครงกระดูกที่สมบูรณ์ อยู่หลายชิ้น โดยเจ้าหน้าที่ของกรมศิลปากรที่ 12 ได้ใช้เครื่องมือ ขุดและเก็บโครงกระดูก และไหโบราณ ออกจากใต้ดินออกไปจนครบ เพื่อนำไปตรวจสอบที่สำนักศิลปากรที่ 12 นครราชสีมา


นายสมเดช ลีลามโนธรรม เจ้าหน้าที่สำนักศิลปากร ที่ 12 นครราชสีมา เปิดเผยว่าโครงกระดูกโบราณที่บ้านยางตำบลยาง อำเภอศีขรภูมิ จ.สุรินทร์ ทางสำนักศิลปากรที่12 นครราชสีมาได้เดินทางมาตรวจสอบแล้ว ลงความเห็นว่ามีอายุในยุคเหล็ก ราว 1,500 -2,000 ปี สมัยยังไม่มีตัวอักษร การเก็บศพเป็นการฝังครั้งที่ 2 ครั้งแรกจะเป็นการฝังไว้หลายปีจนเปื่อยเหลือแต่กระดูกค่อยเก็บชิ้นสำคัญมาบรรจุไหแล้วฝังอีกที เคยพบที่อำเภอท่าตูมและอำเภอชุมพลบุรี จังหวัดสุรินทร์ ปัจจุบันกระดูกโบราณยุคนั่นเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติสุรินทร์ ครั้งนี้พบที่อำเภอศีขรภูมิ ซึ่งเจ้าที่กรมศิลปากรจะนำไปศึกษาแล้วนำมาเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จังหวัดสุรินทร์ต่อไป





https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_245143

8/3/60





ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าลูกยาเธอเล่นเป็นพระ สมมุติเป็นพระราชาคณะ,พระครูฐานานุกรมกันอย่างสนุกสนาน รัชกาลที่ 5 ก็ทรงเล่น ถือเป็นพระราชนิยม กล่าวกันว่าทรงเล่นกันประจำ

การที่รัชกาลที่ 5 ทรงให้พระเจ้าลูกยาเธอเล่นเป็นพระ พระมหาปกรณ์ กิตฺติธโร ป.ธ.9 แห่งวัดชนะสงครามได้ให้ข้อวิเคราะห์เบื้องต้นว่า เพื่อให้ทรงเรียนรู้ศาสนพิธีแบบจริง โดยมีการสวดมนต์จริง ซึ่งพระเจ้าลูกยาเธอ ก็ต้องสวดมนต์ได้ก่อนจึงจะให้เล่น เป็นกุศโลบายให้เด็กๆ สวดมนต์ได้ด้วย

โดยสรุปคือเพียงให้ทรงแต่งตัวและทำว่าเป็นพระจริงๆ แต่ไม่ได้บวชจริง แต่ให้สวดมนต์และทำศาสนพิธีจริง จะเห็นได้ว่าเจ้านายเล็กๆ สมัยก่อนรู้คาถารู้บาลีที่พระท่านสวดมนต์กันเลยทีเดียว






https://www.silpa-mag.com/old-photos-tell-the-historical-story/article_955





(7 มี.ค.) เว็บไซต์ข่าวประเทศจีนรายงานว่า คุณยายคนหนึ่งเกิดหกล้มและอาเจียนออกมาบนถนน กระทั่งมีเด็กนักเรียนหญิงคนหนึ่งเข้าไปถามไถ่ดูอาการ ทั้งยังช่วยทำความสะอาดจัดการกับเศษอาเจียนนั้นให้ด้วย ทำให้ได้รับเสียงชื่นชมจากผู้คนจำนวนมาก จนพากันตั้งชื่อเรียกให้ว่าเป็นเยาวชนกองหน้าของเมือง

ตามรายงานระบุว่า เรื่องราวดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 25 ก.พ. ที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่นประมาณ 16:00 น. หลังยายคนดังกล่าวล้มลงไปบนถนนหน้าแผงลอยขายหนังสือ ใกล้โรงเรียนสาธิตประถมแห่งหนึ่งในเขตเฉินชาง เมืองเป่าจี มณฑลส่านซี




จนหน้าผากกระแทกพื้น อีกทั้งยังอาเจียนออกมาอีก ผู้คนที่ทันเหตุการณ์จึงรีบเข้าไปพยุงตัวขึ้นมา ประจบเหมาะกับเด็กหญิงเฉอ อี้เมี่ยว วัย 11 ปี นักเรียนชั้นป. 5 ที่เลิกเรียนผ่านมาพอดี จึงได้รีบวิ่งเข้าไปดูอาการของคุณยาย

พร้อมควักกระดาษทิชชูออกมาเช็ดทำความสะอาดคราบอาเจียนให้ ซ้ำยังใช้แก้วน้ำของตัวเองเทน้ำให้คุณยายป้วนปากโดยไม่คิดรังเกียจ นอกจากนี้ยังร้องเตือนให้ผู้คนที่รอบข้างรีบโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน แต่คุณยายไม่ยอมไป จากนั้นก็มีคนในครอบครัวรีบมารับคุณยายกลับบ้านไป

ทั้งนี้ หลังเรื่องราวดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ทางหน่วยงานต่างๆ ทั้งกลุ่มสันติบาตรเยาวชนฯ กรมการศึกษาประจำเมือง และอื่นๆ ได้ติดต่อมอบคำชมเชยให้เด็กหญิง






http://news.sanook.com/2179986/

7/3/60





(6 มี.ค.) น.ส.เมย์ (นามสมมติ) พาลูกสาวเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.บางปูอีกครั้ง หลังจากที่เคยได้แจ้งความไว้แล้วว่า ลูกสาววัย 4 ขวบถูกเพื่อนชายร่วมชั้นเรียนอนุบาล โรงเรียนเอกชนชื่อดัง ย่านบางปู ต.แพรกษา อ.เมืองสมุทรปราการ ทำร้ายจนอวัยวะเพศจนได้รับบาดเจ็บ บวมอักเสบ ทั้งที่ได้แจ้งไปยังครูประจำชั้นแล้ว แต่เรื่องกลับเงียบ ทางโรงเรียนไม่ติดต่อผู้ปกครองของเด็กชายมาเจรจา ค่ารักษาพยาบาล รวมถึงค่าจิตแพทย์ที่ตนเองต้องจ่ายอย่างต่อเนื่อง เพราะหลังเกิดเหตุลูกมีอาการซึมเศร้าต้องบำบัดทางจิตวิทยา

น.ส.เมย์เล่าว่า ตนมาทราบเรื่องเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่กำลังอาบน้ำให้ลูกสาว แล้วลูกสาวบ่นว่าเจ็บ จึงพยายามสอบถาม กระทั่งลูกสาวบอกว่าถูกเพื่อนชายร่วมชั้นเรียนใช้นิ้วแหย่ที่อวัยวะเพศ ตนจึงพาไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง โดยแพทย์ระบุว่าช่องคลอดถูกกระแทกจนอักเสบ และมีการติดเชื้อในท่อปัสสาวะ ก่อนที่จะแนะนำให้ตนพาไปตรวจที่โรงพยาบาลของรัฐเพื่อจะได้เป็นหลักฐานในการแจ้งความ




หลังจากที่ลูกสาวถูกกระทำ ตนสังเกตว่าลูกสาวมีอาการหวาดกลัวที่จะไปโรงเรียน และมีอาการซึมเศร้า จึงได้พาไปพบจิตแพทย์ ซึ่งทางแพทย์แจ้งว่าต้องทำการบำบัดทางจิตเวชอย่างต่อเนื่อง และหลังทราบเรื่องได้ติดต่อไปยังครูประจำชั้น เพื่อให้เรียกผู้ปกครองของเด็กชายที่ก่อเหตุมาตกลงความเสียหาย ค่ารักษาพยาบาลต่างๆ แต่ครูกกลับพยายามที่จะพูดกลบเกลื่อน อ้างเหตุผลสารพัดว่าตดต่อผู้ปกครองของเด็กชายไม่ได้ ตนจึงได้เดินทางมาแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อให้เป็นคนกลางติดต่อผู้ปกครองของเด็กชายมาพูดคุยตกลงกัน

นอกจากนี้ตนทางครูประจำชั้นยังบอกกับตนอีกว่า ได้สอบถามผู้ปกครองของเด็กชายแล้ว ทางผู้ปกครองระบุว่า เด็กชายไม่เคยมีพฤติกรรมดังกล่าว ทำให้ตนยิ่งเกิดความหวาดกลัวว่าหากไม่ใช่เด็กทำ แล้วถ้าเป็นผู้ใหญ่ทำจะยิ่งน่ากลัวขนาดไหน

ในเบื้องต้นเมื่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบเรื่อง ได้ติดต่อนัดผู้ปกครองของเด็กชายมาเจรากันแล้ว ส่วนกรณีที่เด็กหญิงกล่าวอ้าง หากสอบสวนแล้วเป็นเรื่องจริงก็จะมีความผิดทางอาญาด้วย







http://news.sanook.com/2179222/






เรื่องจริงหรือตัดต่อ?! พบเมฆประหลาดรูปร่างคล้าย "ผู้คุมวิญญาณ" ในหนัง Harry Potter โผล่เหนือท้องฟ้าแซมเบีย ชาวเน็ตถกสนั่น ภาพจริงหรือแค่ตัดต่อ

        ใครก็ตามที่เคยชมภาพยนตร์ชื่อดัง "แฮร์รี่ พอตเตอร์" คงจะคุ้นเคยกันดีกับตัวละครสุดหลอน น่าหวาดหวั่นพรั่นพรึงอย่าง "ผู้คุมวิญญาณ" สิ่งมีชีวิตสุดสยองที่ลอยไปลอยมาอยู่แถว ๆ คุกอัซคาบัน คอยดูดกลืนความสุขของเหล่านักโทษ ใคร ๆ ก็รู้ดีว่าผู้คุมวิญญานเป็นเพียงตัวละครที่ถูกสร้างขึ้นเท่านั้น แต่ล่าสุดกลับกิดเหตุการณ์ชวนขนลุก เพราะดูเหมือนว่ามีผู้คุมวิญญานตนหนึ่งไปโผล่ให้เห็นอยู่ที่แซมเบีย




        ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องเหลือเชื่อ แต่เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2560 สื่อต่างประเทศหลายสำนักก็ได้มีรายงานเรื่องดังกล่าว ระบุว่า ผู้คนที่ไปจับจ่ายใช้สอยกันที่ร้านมูคูบา ซึ่งเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งในเมืองซิตเว ประเทศแซมเบีย ต่างพากันตกอกตกใจอย่างมากเมื่อเห็นเมฆรูปร่างหน้าตาแปลกประหลาดลอยอยู่เหนือท้องฟ้า เมฆดังกล่าวมีลักษณะเป็นเงาสีดำ ยาวร่วม 100 เมตร ดูแล้วคล้ายกับผู้คุมวิญญาณเป็นอย่างมาก

        รายงานยังอ้างว่า ผู้คนที่พบเห็นเมฆนี่ต่างก็หวาดหวั่นกันไปเป็นแถว ผู้เห็นเหตุการณ์กล่าวว่า เมฆประหลาดก้อนนี้มีรูปร่างเหมือนกับมนุษย์ มันลอยอยู่เหนือท้องฟ้าแถวนั้นราว ๆ 30 นาที คนที่เห็นมันมีทั้งนั่งลงสวดมนต์ขอพรและวิ่งหนีไปด้วยความหวาดกลัวสุดชีวิต

        ทั้งนี้ภาพดังกล่าวได้กลายเป็นประเด็นไวรัลที่ชาวเน็ตต่างพากันแชร์ไปทั่ว แต่อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการรายงานที่มาที่ไปที่แน่ชัดของเมฆก้อนนี้ ขณะที่ชาวเน็ตหลายรายก็ชี้ว่าอย่าเพิ่งแตกตื่นตกใจกันไป แฟน ๆ แฮร์รี่ พอตเตอร์ อย่าเพิ่งจองตั๋วเครื่องบินไปแซมเบียเพื่อไปดูให้แน่ชัด เพราะว่ามันอาจจะเป็นแค่เมฆแปลก ๆ ไร้พิษภัย หรืออาจจะเป็นแค่เพียงภาพตัดต่อก็เป็นได้







http://www.topicza.com/news35895.html

6/3/60






จากกรณีผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้าน เมื่อวันที่ 5 มี.ค. ว่ามีการขุดดินลอกคลอง และได้พบโครงกระดูกมนุษย์โบราณ อยู่ในที่นาของนายทวีศักดิ์ นึกดี อายุ 80 ปี เลขที่ 68 บ้านยาง ม.1 ต.ยาง อ.ศีขรภูมิ จ.สุรินทร์ ในพื้นที่ 5 ไร่

ผู้สื่อข่าวจึงลงพื้นที่ ตามที่ได้รับแจ้ง พบว่า จุดที่พบโครงกระดูกโบราณ ห่างจากองค์การบริหารส่วนตำบลยาง ประมาณ 500 เมตร ทราบจากชาวบ้านในพื้นที่ว่า เจ้าของที่นาได้จ้างให้รถแบ็กโฮ มาขุดลอกที่นาเพื่อทำการเกษตร ตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ในวันที่ 5 มี.ค. และคาดว่าจะใช้เวลา 1 วัน จนถึงมืดค่ำขอวันเดียวกัน ถึงจะแล้วเสร็จ โดยลักษณะทำเป็นแปลงยกร่องสามแปลง มีร่องน้ำสามร่องลึกสามเมตร เพราะว่าเจ้าของที่ดินมีโครงการจะปลูกมะพร้าว กล้วย มะนาว ตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9




โดยต้องตกใจ ขณะขุดดินลงไป ก็พบโครงกระดูก โดยผู้พบคนแรก คือ ลูกสะใภ้ของนายทวีศักดิ์ นึกดี เจ้าของที่นา ทราบชื่อ คือ นางเจนจิรา คนึงดี อายุ 35 ปี เปิดเผยว่า ตอนนั้นตนได้เดินไปดูแปลงนาและพบร่องน้ำที่รถขุดไว้ หลังจากนั้น ตนเองก็เหลือบมองเห็นดิน จุดที่เห็นโครงกระดูก มีสีดำออกมาเยอะมาก ด้วยความสงสัย ตนจึงไปเอาเสียมมาแซะดู จึงเห็นว่าเป็นไห มีความอยากรู้ จึงได้เอาเสียมกระแทกไหให้แตก

พอไหแตกออกมาครึ่งหนึ่งเท่านั้นเอง ตนถึงกับผงะตกใจ เพราะสิ่งที่เจอ คือ โครงกระดูกมนุษย์ ลักษณะนั่งคุดคู้ หลังจากตั้งสติได้ จึงไปเรียกสามีให้มาดู พอรู้ว่าเป็นอะไรแล้ว จึงได้แจ้งไปยังผู้ใหญ่บ้าน กำนัน และ นายก อบต.ยาง ให้มาตรวจดูว่าเป็นกระดูกของคนในยุคปัจจุบันหรือยุคโบราณ พอชาวบ้านทราบข่าวมาดูกันจำนวนมาก และบอกว่าน่าจะเป็นโครงกระดูกมนุษย์โบราณ อายุน่าจะหลายร้อยปี ชาวบ้านบอกว่า ถึงไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่ จากนั้นก็มีชาวบ้านนำดอกไม้ ธูปเทียน ขนมหวาน น้ำเปล่า น้ำส้ม มากราบไหว้ เพื่อขอโชคลาภตามความเชื่อ

ด้านนายก อบต.ยาง กำนันตำบลยาง ผู้ใหญ่บ้าน มีมติร่วมกัน ให้มีการจัดคนมาดูแล ผลัดเปลี่ยนกันเป็นเวรยาม เพื่อไม่ให้ใครลงไปจับ ขณะรอเจ้าหน้าที่กรมศิลปากร มาตรวจสอบโดยละเอียดอีกครั้ง








https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_241965





เด็กชายวัย 14 ปี กระโดดน้ำช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุที่ติดอยู่ภายในรถ แต่เนื่องจากจมน้ำนานกว่า 20 นาที จึงไม่สามารถช่วยชีวิตได้ทัน

เมื่อวานนี้ (5 มี.ค.) ร.ต.อ.ประเทือง แสงอร่าม พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรชะอำ จังหวัดเพชรบุรี รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถกระบะเสียหลักตกคูน้ำริมถนน บริเวณ กิโลเมตรที่ 72 ถนนเลียบชายหาดบ้านบางเกตุ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บติดอยู่ภายในรถ จึงได้ประสานไปยังหน่วยกู้ภัยศิรินทร์และมูลนิธิสว่างสรรเพชญธรรมสถานจังหวัดเพชรบุรี นำอุปกรณ์เครื่องตัดถ่างเข้าสนับสนุน พร้อมนำกำลังรุดตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุพบเด็กชายวัย 14 ปี ทราบชื่อคือ เด็กชายวัฒนา เที่ยงธรรม เป็นผู้ช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บที่ติดอยู่ภายในรถคันดังกล่าวออกมา โดยมีเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยฯ และเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังช่วยกันปั้มหัวใจผู้ได้รับบาดเจ็บ แต่เนื่องจากจมน้ำนานกว่า 20 นาที จึงไม่สามารถช่วยชีวิตไว้ได้ทัน ทราบชื่อผู้เสียชีวิตคือ นายธีระ ศรีพรหมมา อายุ 53 ปี ชาวจังหวัดเพชรบุรี และพบรถกระบะสีบอนเงิน ตอนครึ่ง หมายเลขทะเบียน บท 467 เพชรบุรี ในสภาพจมน้ำหงายท้องอยู่บริเวณคูน้ำริมถนน




สอบถาม เด็กชายวัฒนา เที่ยงธรรม เล่าว่า ตนเป็นนักเรียนชั้น ม.2 ของโรงเรียนหัวหินวิทยาลัย จังหวัดประจวบฯ ก่อนเกิดเหตุนั้นพ่อได้ขับรถพาตนไปทำธุระในบริเวณใกล้เคียง กระทั่งได้ผ่านมาบริเวณจุดเกิดเหตุพบเห็นชาวบ้านร้องขอความช่วยเหลือว่ามีคนติดอยู่ภายในรถ ตนจึงให้พ่อหยุดรถเพื่อลงไปให้การช่วยเหลือ ก่อนจะตัดสินใจกระโดดน้ำลงไปช่วยเหลือผู้ที่ติดอยู่ภายในรถคันดังกล่าว และรู้สึกเสียใจที่ไม่สามารถช่วยชีวิตผู้ได้รับบาดเจ็บไว้ได้ เนื่องจากจมน้ำนานกว่า 20 นาที

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า ผู้เสียชีวิตน่าจะขับรถกระบะคันดังกล่าวมาด้วยความเร็ว ประกอบกับบริเวณจุดเกิดเหตุเป็นทางโค้ง ทำให้สูญเสียการควบคุม รถเสียหลักไปชนป้ายบอกทางข้างถนนและตกลงไปในคูน้ำริมถนนจนทำให้เสียชีวิตดังกล่าว







http://news.sanook.com/2178914/





เกิดเหตุ 2 คนร้ายขว้างระเบิดใส่บ้านพักตำรวจ สภ.หนองจิก จ.ปัตตานี โชคดีไม่บึ้ม เจ้าหน้าที่เร่งล่า

เมื่อกลางดึกที่ผ่านมาได้เกิดเหตุ 2 คนร้าย ใช้รถรถจักรยายนต์ ฮอนด้าดรีม สีดำ สวมหมวกกันน็อคขว้างระเบิดใส่บ้านพักของ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดสืบ สภ.หนองจิก บริเวณ ม.2 ต.ตุยง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี โชคดีที่ระเบิดไม่ทำงาน

จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบกล้องวงจรปิด สามารถจับภาพคนร้ายขณะขว้างระเบิดได้ ซึ่งคนร้ายที่ขับรถจักรยานยนต์ ได้สวมเสื้อแขนยาวสีขาว ส่วนคนร้ายที่นั่งซ้อนท้ายและเป็นคนขว้างระเบิด สวมเสื้อสีแดงแขนสั้น ล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้แจ้งสกัดจับ พร้อมจัดชุดติดตามไล่ล่าคนร้ายอย่างต่อเนื่อง สำหรับความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป







http://news.sanook.com/2178922/

5/3/60






อาการแบบใด สงสัยเป็น โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
หากมีอาการเหล่านี้ สามารถสงสัยได้ว่าเป็น โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
ในผู้ชาย จะมีอาการปัสสาวะแสบขัด ขาหนีบบวม หรือเป็นฝี เจ็บปวดอวัยวะเพศ มีผื่น ตุ่ม แผล บริเวณอวัยวะเพศ มีเมือกใส หรือหนองไหลออกมา
ในผู้หญิง จะรู้สึกเจ็บ เสียวท้องน้อย ขาหนีบบวม หรือเป็นฝี เจ็บปวด คันอวัยวะเพศ มีผื่น ตุ่ม แผลบริเวณอวัยวะเพศ มีตกขาวสีเหลือง มีกลิ่นเหม็น
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่สำคัญ ได้แก่
1. โรคเอดส์ (AIDS)
หรือกลุ่มอาการภูมิคุ้มกันเสื่อม เกิดจากการรับเชื้อ Human immunodeficiency virus หรือ HIV เข้าไปทำลายเม็ดเลือดขาว ที่เป็นแหล่งสร้างภูมิคุ้มกันโรค ทำให้ภูมิคุ้มกันโรคลดน้อยลง จึงทำให้เชื้อโรคฉวยโอกาสแทรกซ้อนเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายขึ้น เช่น มะเร็ง วัณโรค และสาเหตุการเสียชีวิตก็มักเกิดขึ้นจากโรคติดเชื้อฉวยโอกาสต่างๆ เหล่านี้ ที่จะทำให้อาการรุนแรง และเสียชีวิตอย่างรวดเร็ว
2. หนองใน (Gonorrhoea)
เป็น โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เกิดจากเชื้อแบคทีเรียชื่อ Neisseria gonorrhoeae ทำให้เกิดอาการระคายเคืองในท่อปัสสาวะ แสบขัดเวลาปัสสาวะ และมีหนองไหลออกจากท่อปัสสาวะ อาจจะทำให้เกิดการอักเสบในช่องท้อง หรือเป็นหมันหากไม่ได้รับการรักษา
3. หนองในเทียม (Non-gonococcal Urethritis/Non gonococcal Cervicitis)
เป็น โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่ทำให้มีอาการแสบปลายท่อปัสสาวะ ปัสสาวะขัดและมีหนองไหล และมีมูกออกเล็กน้อยโดยเฉพาะในช่วงเช้า ส่วนผู้หญิงอาจมีอาการตกขาวผิดปกติ
4. แผลริมอ่อน (Chancroid)
เป็น โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เกิดจากเชื้อ Haemophilus Ducreyi ทำให้เกิดแผลที่อวัยวะเพศ บวมและเจ็บ บางคนมีต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบหรือที่ชาวบ้านเรียกไข่ดันบวม หากไม่รักษาหนองจะแตกออกจากต่อมน้ำเหลือง มักมีหลายแผล ขอบแผลนุ่มและไม่เรียบ ก้นแผลสกปรกมีหนอง มีเลือดออกง่าย เวลาสัมผัสเจ็บปวดมาก บางรายต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบจะบวม และเป็นฝี เมื่อฝีแตกจะเป็นแผล





5. เริมที่อวัยวะเพศ (Genita Herpes Simplex Virus Infection)
เป็น โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่เกิดเชื้อไวรัส herpes simplex virus ทำให้เกิดอาการปวดแสบบริเวณขา ก้นหรืออวัยวะเพศ และตามด้วยผื่นเป็นตุ่มน้ำใส แผลหายได้เองใน 2-3 สัปดาห์ แต่เชื้อยังอยู่ในร่างกาย เมื่อร่างกายอ่อนแอ เชื้อก็จะกลับเป็นใหม่
6. หูดข้าวสุก (Molluscum contagiosum)
เป็น โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เกิดจากเชื้อไวรัส Molluscum contagiosum virus (MCV) ทำให้เกิดเป็นตุ่มนูนบนผิวหนัง ผิวเรียบขนาดเล็ก ขนาดประมาณ 2-5 มิลลิเมตร จะพบมากขึ้นในรายที่มีการติดเชื้อ HIV จำนวนตุ่มที่เกิดขึ้นอาจมีมากหรือน้อยขึ้นกับสภาพร่างกายของผู้ป่วยขณะนั้นว่าร่างกายมีความแข็งแรงเพียงใด ถ้าใช้เข็มสะกิดตรงกลางแล้วบีบดูจะได้เนื้อหูดสีขาวๆ คล้ายข้าวสุก มักเป็นที่บริเวณหัวหน่าว อวัยวะเพศภายนอกและโคนขาด้านใน
7. หูดหงอนไก่ (Condyloma Acuminata)
เป็น โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เกิดจากไวรัส Human papilloma virus ลักษณะเป็นติ่งเนื้ออ่อน ๆ สีชมพูคล้ายหงอนไก่ ชอบขึ้นที่อุ่นและอับชื้น ในผู้ชายมักพบที่อวัยวะเพศบริเวณใต้หนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชาย ตลอดทั้งบริเวณรอบรอยเปิดขอบ,ท่อปัสสาวะ และอัณฑะ ส่วนผู้หญิงจะพบที่ปากช่องคลอด ผนังช่องคลอด ปากมดลูก ปากทวารหนักและฝีเย็บ หูดมีขนาดโตขึ้นเรื่อย ๆ การตั้งครรภ์จะทำให้หูดโตเร็วกว่าปกติ ถ้าไม่รีบรักษาจะเป็นมากขึ้นและยากต่อการรักษา และทารกอาจติดเชื้อได้ขณะคลอด
8. หิด (Scabies)
เป็น โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เกิดจากตัวไร Sarcoptes scabei ลักษณะจะมีตุ่มน้ำใสและตุ่มหนองคันขึ้นกระจายทั้ง 2 ข้างของร่างกาย มักพบตามง่ามนิ้วมือ ข้อศอก รักแร้ รอบหัวนม รอบสะดือ อวัยวะสืบพันธุ์ ข้อเท้า หลังเท้า ก้น ผู้ป่วยมักมีอาการคันมาก โดยเฉพาะเวลากลางคืน สามารถติดต่อได้จากการสัมผัสใกล้ชิด สัมผัสทางเพศหรือ อยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วย
9. ซิฟิลิส (Syphilis)
เป็น โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เกิดจากการติดเชื้อ Treponema pallidum เป็นโรคที่มีอันตราย และมีอาการเรื้อรัง สามารถติดต่อยาวนานกว่า 2 ปี ลักษณะการติดเชื้อเริ่มแรกจะเป็นก้อนแข็ง แต่ไม่เจ็บที่บริเวณอวัยวะเพศ หากไม่รักษาจะกลายเป็นระยะที่สองที่เรียกว่า เข้าข้อหรือออกดอก ถ้าทิ้งไว้นานจะทำให้เกิดโรคแก่ระบบต่างๆ ของร่างกายหลายระบบ ทั้งซิฟิลิสระบบหัวใจและหลอดเลือด ซิฟิลิสระบบประสาท เป็นต้น นอกจากนี้ มารดาที่เป็นโรคซิฟิลิสจะถ่ายทอดโรคสู่ทารกในครรภ์ได้เรียกว่า ซิฟิลิสแต่กำเนิด (congenital syphilis)จึงถือซิฟิลิสเป็นโรคที่มีอันตราย และมีอาการเรื้อรัง สามารถติดต่อยาวนานกว่า 2 ปี
10. โลน (Pediculosis Pubis)
เป็น โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เกิดจากแมลงตัวเล็กที่เรียกว่า pediculosis pubis อาศัยอยู่ที่ขนหัวเหน่า ชอบไชตามรากขนอ่อน และดูดเลือดคนเป็นอาหาร ผู้ที่เป็นโรคนี้ จะมีอาการคัน เมื่อเกาจะทำให้เจ้าตัวเชื้อแพร่ไปยังบริเวณอื่นได้ การวินิจฉัยสามารถทำได้ด้วยตาเปล่า จะพบไข่สีขาวเกาะตรงโคนขนไข่จะมีลักษณะวงรี ส่วนตัวแมลงเมื่อกินเลือดเต็มที่จะออกสีน้ำตาล ติดต่อได้จากการสัมผัสทางเพศกับผู้ป่วย หรือใช้กางเกงในร่วมกัน การรักษาสามารถซื้อยาทาได้ตามร้านขายยา แต่คนท้องหรือเด็กควรจะปรึกษาแพทย์
11. พยาธิช่องคลอด (Vaginal Trichomoniasis)
เป็น โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เกิดจากเชื้อโปรโตซัว Trichomonas vaginalis ผู้ป่วยจะมีอาการตกขาวผิดปกติ มีสีเขียวขุ่นหรือเหลืองเข้ม มีฟองอากาศและมีกลิ่นเหม็น เกิดการระคายเคืองบริเวณอวัยวะเพศ เจ็บปวดขณะมีเพศสัมพันธ์ คันและแสบปากช่องคลอด
12. เชื้อราในช่องคลอด (Vaginal Candidiasis)
เป็น โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เกิดจากเชื้อรากลุ่ม Candida ซึ่งร้อยละ 80 – 90 เกิดจาก Candida albicans ทำให้มีอาการระคายเคืองบริเวณช่องคลอด มีการตกขาวขุ่นจับเป็นก้อน อาจมีอาการปัสสาวะแสบขัด เจ็บขณะร่วมเพศ
13. อุ้งเชิงกรานอักเสบ (Pelvic Inflammatory Diseases, PID)
หรือโรคปีกมดลูกอักเสบ เป็น โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เกิดจากการติดเชื้อของมดลูก รังไข่ หรือ









http://www.domrie.com/2017/03/dafda12312.html





จากเหตุสยองขวัญที่ นายธีระพงษ์ หรือ ปอนด์ อายุ 24 ปี นักศึกษามหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตเพชรบุรี ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์รุมทำร้าย ด้วยการไขควงแทงศีรษะในหอพัก อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี จนถึงแก่ความตาย เมื่อวันที่ 25 ก.พ. 60 ที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่ากลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าวเป็นลูกของผู้มีอิทธิพล 
ล่าสุด เพจ  DR.K v.3 ได้แพร่ภาพเอกซเรย์ศีรษะของนายธีระพงษ์ ที่แสดงให้เห็นไขควงแทงอยู่ในศีรษะ ลึกเข้าไปถึงก้านสมองอย่างชัดเจน 

นอกจากนี้ มีรายงานข่าวจาก สภ.ชะอำ ว่า คดีนี้มีผู้ต้องหาเดินทางมามอบตัวแล้วทั้งหมด 15 ราย จากผู้ก่อเหตุทั้งหมด 18 ราย เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหาร่วมกันฆ่าคนโดยเจตนา โดยมีหลักฐานเป็นกล้องวงจรปิดภายในหอพักที่เกิดเหตุ

ซึ่งนางอารีรัตน์ อายุ 50 ปี ได้นำศพลูกชายกลับบ้านเกิดที่ จ.ชุมพร พร้อมประกาศว่าจะเอาเรื่องคนร้ายให้ถึงที่สุด แต่มีความกังวลว่าจะเกิดความไม่ยุติธรรมขึ้น เพราะทราบว่าในกลุ่มผู้ก่อเหตุเป็นลูกคนในเครื่องแบบ ด้าน ผกก.สภ.ชะอำ ได้ติดต่อไปยังนางอารีรัตน์ มารดาผู้เสียชีวิต เพื่อให้ความมั่นใจว่าคดีนี้จะได้รับความเป็นธรรม โดยยืนยันว่าจะดำเนินคดีทั้งหมด ไม่ว่าคนทำจะเป็นลูกหลานตำรวจชั้นผู้ใหญ่ก็ตาม

จากการสอบปากคำทราบว่า วันเกิดเหตุวัยรุ่นกลุ่มนี้ขับรถมา 3 คัน วนหาคู่กรณีคนหนึ่ง ซึ่งมีปัญหาเรื่องผู้หญิง จึงบุกเข้าไปในหอพักที่เกิดเหตุ แต่ไม่เจอคู่กรณี พบเพียงนายธีระพงษ์ ซึ่งเป็นเพื่อน เลยตรงเข้าไปทำร้ายร่างกายนายธีระพงษ์จนเสียชีวิตแทน




ต่อมา พ.ต.อ.ภคิน ศิวเมธากุล ผกก.สภ.ชะอำ เปิดเผยรายชื่อ 18 ผู้ต้องหาที่ร่วมก่อเหตุฆ่าหนุ่มนักศึกษา มีดังนี้ 1.นายกรกนก หรืออาร์ท (ขอสงวนนามสกุล) 2.นายภาคิน หรือมิ๊ก (ขอสงวนนามสกุล) 3.น.ส.มาริสา หรือลูกหมี (ขอสงวนนามสกุล) 4.นายศุภสิทธิ์ หรือเป้ง (ขอสงวนนามสกุล) 5.นายชินกิตติ์ หรือกิต (ขอสงวนนามสกุล) 6.นายเดชาธร หรือไบร์ท (ขอสงวนนามสกุล) 7.นายธีรธานนท์ หรือนนท์ (ขอสงวนนามสกุล) 8.นายกฤตนันท์ หรือปาล์ม (ขอสงวนนามสกุล) 9.นายชรินทร หรือบิ๊ก (ขอสงวนนามสกุล) 10.นายอธิบดี หรือซีม (ขอสงวนนามสกุล) 11.น.ส.ณชพัฒน์ หรือทราย (ขอสงวนนามสกุล) 12.นายเรวัติ หรือวัติ (ขอสงวนนามสกุล) 13.นายญาณวัฒ์ หรือปาล์ม (ขอสงวนนามสกุล) 14.นายเศรษฐา หรือเติ้ล (ขอสงวนนามสกุล) 15.นายธีราพัฒน์ หรืออั้ม (ขอสงวนนามสกุล)

พ.ต.อ.ภคิน เปิดเผยว่า ผู้ต้องหาที่ 16. น.ส.อัจฉลา หรือเมย์ (ขอสงวนนามสกุล) 17. น.ส.วิณิชยา หรือพั้น (ขอสงวนนามสกุล) และ 18.ชายไม่ทราบชื่อ (เพื่อนนายศุภสิทธิ์หรือเป้ง) นั้นยังไม่เข้ามอบตัว โดยนายเดชาธรเป็นผู้ก่อเหตุใช้ไขควงแทงศีรษะหนุ่มนักศึกษา เนื่องจากโกรธแค้นนายเอก เพื่อนนายธีระพงษ์ ผู้ตายที่ทำให้น.ส.ณชพัฒน์ หญิงคนรักช้ำใจ

พ.ต.อ.ภคิน กล่าวว่า หลังสอบสวนทราบว่า นายเดชาธรเป็นแฟนเก่าของ น.ส.ณชพัฒน์ โดยทั้งคู่เลิกรากันไป ก่อนที่ฝ่ายหญิงจะไปคบหาดูใจกับนายเอกและเลิกรากัน จากนั้นกลับไปคืนดีคบหากับนายเดชาธรอีกครั้ง แถมยังเอาเรื่องของนายเอกไปเล่าให้เพื่อนชายคนสนิทฟัง ทำให้นายเดชาธรโกรธแค้นนายเอก จึงพยายามยกพวกไปดูลาดเลาที่หอพัก แต่ไม่เจอตัวนายเอก กระทั่งวันเกิดเหตุที่บุกเข้าไปในหอพัก ก็มีน.ส.ณชพัฒน์ไปด้วย แต่เมื่อไม่เจอตัวนายเอก จึงบันดาลโทสะระบายความแค้น รุมฆ่านายธีระพงษ์จนเสียชีวิต ทั้งที่ผู้เสียชีวิตไม่มีเรื่องบาดหมางใจกันมาก่อน









http://news.sanook.com/2178846/





เมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 5 มี.ค. ร.ต.อ.พิรุณ ซังธาดา รอง สว.(สอบสวน)สภ.ไชยา รับแจ้งเหตุรถเสียหลักตกลงในคลองโหนดการ้อง ม.1 ต.ตลาดไชยา อ.ไชยา จ.สุราษฏร์ธานี มีผู้ติดภายในรถ จำนวน 7 ราย เร่งตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมเจ้าหน้าที่มูลนิธิกุศลศรัทธาสุราษฎร์ธานี

ที่เกิดเหตุพบรถยนต์ ยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นปาเจโร่ สีขาว ทะเบียน ฆด 8941 กทม.จมอยู่ในคลอง เจ้าหน้าที่สามารถช่วยเหลือออกมาได้จำนวน 4 ราย เจ้าหน้าที่เร่งนำส่ง รพ.ไชยา ส่วนอีก 3 ราย เสียชีวิตติดอยู่ภายใน ชาย 1 หญิง 2 โดยทั้งหมดเป็นนักเรียน ม.5 อายุ 16-17 ปี

จากการสอบสวนเบื้องต้นคาดว่า ผู้ขับขี่อาจยังไม่มีความชำนาญ และขับขี่มาด้วยความเร็ว เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุทำให้รถเสียหลักตกลงในคลองจนเป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ทั้งนี้จะได้สอบปากคำผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ถึงสาเหตุที่แท้จริงต่อไป

สอบถามญาติผู้เสียชีวิตรายหนึ่งทราบว่า เด็กเรียนกลุ่มนี้กลับจากติวหนังสือที่สถาบันแห่งหนึ่งในเมืองสุราษฎร์ฯ ก่อนจะมาประสบอุบัติเหตุดังกล่าว​









http://news.sanook.com/2178786/





สมาชิกเฟซบุ๊ก “Jutamart Kornngam” โพสต์คลิปพร้อมข้อความว่า “แซบบ่แซบกะเบิ่งเอาเด้อพี่น้อง55555 #ฝรั่งโคกเอ้ย😁☺️😘😊👶🏻” โดยในคลิปเป็นเด็กลูกครึ่งกำลังกินแตงโมอย่างเอร็ดอร่อย ซึ่งจะเห็นว่ามีช้อนคันหนึ่งวางอยู่ข้างๆ คาดว่าน่าจะใช้ตักเนื้อแตงโมกินจนหมด ก่อนที่จะอยากลิ้มรสชาติอย่างแท้จริงของแตงโม ด้วยการเอาหน้ามุดเข้าไปกินแตงโมที่ผ่าซีก ซึ่งก็มีคนถามว่าอร่อยไหม เด็กน้อยก็ตอบว่าอร่อย ซึ่งผู้ได้ชมคลิปต่างพากันหัวเราะชอบใจถึงความไร้เดียงสาของเด็กน้อย







https://www.khaosod.co.th/monitor-news/news_235518





สุดอนาถลุงวัย 57 ปี ออกดักจับหนูนากลางทุ่ง โชคร้ายถูกสุนัขรุมกัดตาย ในสภาพเปลือยกายมีบ้านแผลถูกคมเขี้ยวฆาตกรกัดเป็นแผลเปื้อนเลือดแห้งกรังทั่วร่างกาย ใกล้ที่เกิดเหตุพบสุนัขพันธุ์ร็อตไวเลอร์สีดำ 3 ตัวแม่ลูกเดินวนเวียนอยู่ใกล้ ที่ปากมอมแมมเปื้อนเลือดและมีรอยถูกมีดปลายแหลมของผู้ตายแทงเข้าแก้ม คาดจะเป็นฆาตกรตัวจริง ล่าสุดเจ้าของสุนัขเข้าพบตำรวจแสดงความรับผิดชอบจ่ายเงินค่าปลงศพเบื้องต้นแล้ว 3 หมื่นบาท

เมื่อเวลา 08.00 น.วันที่ 5 มี.ค.ร.ต.อ.กังวาน โคตตะวงศ์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.ศรีวิไล อ.ศรีวิไล จ.บึงกาฬ รับแจ้งเหตุมีคนเสียชีวิตอยู่ในทุ่งนาใกล้สวนยางพาราบ้านใหม่พัฒนา หมู่ 4 ต.ศรีวิไล อ.ศรีวิไล จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชารุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.อ. วินัย มหาผลศิริกุล ผกก.พ.ต.ท.จิตเกษม แก้วท่าไม้ รอง ผกก.(สอบสวน) แพทย์เวร รพ.ศรีวิไลและหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างศรีวิไล ที่เกิดเหตุพบศพ นายสมหวัง ทองตัน อายุ 57 ปี ชาว ต.ศรีวิไล อ.ศรีวิไล สภาพศพเปลือยกายนอนหงายเสียชีวิตอยู่ในทุ่งนาติดชายป่า มีบาดแผลถูกรอยคมเขี้ยวของสัตว์ขนาดใหญ่กัดเป็นแผลฉกรรจ์ทั่วร่างกายจนเลือดแห้งกรัง ในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าพบร่องรอยการต่อสู้จนหญ้าแหลกดินกระจุยเป็นบริเวณกว้าง มีรอยเท้าสัตว์หลายตัวเดินย่ำไปมา นอกจากนี้ยังพบมีดปลายแหลมเปื้อนเลือดตกอยู่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ห่างออกไป 27 เมตรพบเสื้อและกางเกงของผู้ตายถูกกัดจนขาดรุ่งริ่ง คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ชั่วโมง ใกล้ที่เกิดเหตุพบสุนัขพันธุ์ร็อตไวเลอร์สีดำ 3 ตัว เป็นเพศเมีย 1 ตัวและเพศผู้ 2 ตัว เดินวนเวียนป้วนเปี้ยนอยู่ ที่แก้มขวาสุนัขตัวหนึ่งมีรอยถูกคมมีดกรีดเป็นแผลยาว เชื่อว่าจะถูกคมมีดของผู้ตายขณะต่อสู้เอาตัวรอด เบื้องต้นทราบว่าสุนัขทั้ง 3 ตัวเป็นของร้านโพธิ์ทองรับซื้อของเก่าที่อยู่ไม่ไกลจากที่เกิดเหตุนัก


สอบสวนทราบว่าก่อนพบกลายเป็นศพนายสมหวังได้ออกจากบ้านเพื่อไปเก็บบ่วงที่ทำเอาไว้ตามชายป่าเพื่อดักหนูนา ระหว่างเดินดูบ่วงคงเป็นจังหวะที่สุนัขแม่ลูก 3 ตัวที่หลุดจากกรงออกมาหากินพอดี จึงเกิดการประจันหน้ากันระหว่างคนกับสุนัข ขณะยังไม่ตั้งหลักจึงถูกสุนัขกระโจนจู่โจมเข้าขย้ำทั้ง 3 ตัวพร้อมกัน กัดกระชากเสื้อกางเกงของผู้ตายจนขาดแล้วฝังคมเขี้ยวไปทั่วร่างกาย ส่วนผู้ตายก็ชัดมีดปลายแหลมออกมาต่อสู้แต่เนื่องจากสุนัขมีหลายตัวและไม่มีโอกาสได้ร้องขอความช่วยเหลือ จึงถูกรุมขย้ำกัดเป็นแผลเหวะหวะทั่วร่างกาย สิ้นใจตายดังกล่าว เบื้องต้นยังไม่ได้แจ้งข้อหาใครเป็นผู้ประมาท เนื่องจากอยู่ในระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน เพราะขณะเกิดเหตุไม่มีใครเห็นเหตุการณ์ ประกอบกับมีคนงานดูแลสุนัขหลายคน ล่าสุดนางประไพ โพธิราช อายุ 72 ปี เจ้าของสุนัขได้เข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อแสดงความรับผิดชอบโดยได้จ่ายค่าทำศพเบื้องต้นแล้ว 30,000 บาท ซึ่งจะได้ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ด้านนายพันธุ์ คงอุ่น อดีตกำนันตำบลชมพูพร เพื่อนบ้านใกล้เคียงที่เกิดเหตุเล่ากับผู้สื่อข่าวฟังว่า สุนัขทั้ง 3 ตัวเห่าเสียงดังและดุมากเจ้าของจะปล่อยออกมาทุกวันในช่วงเย็น ที่ผ่านมาสุนัขทั้ง 3 ตัวก็จะไปกัดไก่ วัวควาย ชาวบ้านใกล้เคียงมาแล้วหลายครั้ง แต่ครั้งนี้กัดคนจนเสียชีวิตก็ยากจะให้เจ้าหน้าที่ตักเตือนเจ้าของสุนัข จะขังหรือจะปล่อยก็ควรทำรั้วรอบขอบชิด อย่าปล่อยให้สุนัขออกมาสร้างความเสียและกัดคนตายแบบนี้อีก







https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_241546

Blog Archive

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

Recent Comments

Formulir Kontak

ชื่อ

อีเมล *

ข้อความ *

recent posts

flickr photos

About us

recent posts

?ิ??ี่?ี่ ????????์

Random Posts

ข่าวยอดฮิด

Follow on twitter

Follow on Fanpage

Follow Me

Recent Posts

Flag Counter

Recent Posts

Text Widget