31/8/60







นักธุรกิจถ่ายภาพรูปปั้นพญานาค เเล้วมีเเสงประหลาดปรากฏในภาพ จนเป็นที่ฮือฮา ยืนยันว่า ไม่ได้ตกเเต่งภาพ ล่าสุด รักษาการเจ้าอาวาสเผย เพิ่งสร้างรูปปั้นนี้ขึ้นมา หลังจากฝันเห็นพญานาค

วันที่ 30 ส.ค. 60 ประชาชนต่างเดินทางเข้าไปกราบไหว้และขอพรกับรูปปั้นพญานาค ภายในวัดป่าสักหางเวียง ต.เวียง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ภายหลังจากเมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา นายณรงค์ อายุ 53 ปี นักธุรกิจค้าขายที่ดิน ชาว อ.แม่จัน จ.เชียงราย ได้เดินทางมากราบไหว้และถ่ายรูปองค์พญานาค ปรากฏว่าองค์พญานาคมีแสงประหลาดเกิดขึ้นในภาพถึง 3 ภาพ โดยทางผู้ถ่ายภาพได้ยืนยันไม่ได้มีการตกเเต่งภาพแต่อย่างใด

ทั้งนี้ พระเอกลักษณ์ เตชธโร รักษาการเจ้าอาวาสวัดป่าสักหางเวียง เปิดเผยว่า รูปปั้นพญานาคทางวัดเพิ่งก่อสร้างขึ้นเมื่อเดือนกรกฎาคม 2560 ที่ผ่านมา หลังจากที่ได้นิมิตเห็นว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งใส่เสื้อสีส้ม เดินลงแม่น้ำโขง ซึ่งแม่น้ำโขงจะไหลผ่านใกล้หน้าวัด พระเอกลักษณ์ก็พยายามตะโกนบอกไม่ให้ลงไป มันอันตรายแต่หญิงคนดังกล่าวก็ไม่ฟังกลับเดินลงน้ำไป จากนั้นน้ำก็ได้แยกออกและเห็นเป็นพญานาค จึงเชื่อว่าจะเป็นนิมิตที่ดีที่ต้องการบอกอะไรซักอย่าง จึงได้ก่อสร้างรูปปั้นพญานาคขึ้นมาเพื่อบูชาและให้บุคคลทั่วไปได้กราบไหว้

เดิมทีตั้งใจจะสะสมทุนก่อสร้างไปเรื่อยทีละน้อย แต่ทันทีที่เริ่มสร้างก็ได้มีผู้มีจิตศรัทธาช่วยบริจาคทรัพย์จึงใช้เวลาสร้างเพียง 15 วันก็แล้วเสร็จ หลังจากนั้นก็มีคนมากราบไหว้รวมถึงนักธุรกิจคนดังกล่าวที่มากราบและถ่ายรูป ซึ่งหลายคนเชื่อว่าอาจเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือสิ่งลี้ลับมาปรากฏให้เห็น ทั้งนี้ก็เป็นความเชื่อส่วนบุคคล แต่เนื่องจาก อ.เชียงแสน เป็นพื้นที่มีตำนานเกี่ยวกับพญานาคในแม่น้ำโขง และมีการบูชาพญานาคทุกปีมาตั้งแต่อดีตแล้ว









ที่มา: http://news.sanook.com/3338866/





สุดเวทนา ! เด็กน้อย 3 คน อายุ 9 เดือน ถึง 3 ขวบ ถูกทิ้งให้อยู่ห้องเช่าตามลำพัง หลังพ่อแม่วัยใสออกไปทำงานนอกบ้าน ทิ้งให้เด็กหิว ต้องดูแลกันเองอย่างลำบาก

วันที่ 30 ส.ค. 2560 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจดัง Social Hunter เผยเรื่องราวสุดสะเทือนใจของเด็กจำนวน 3 คน ซึ่งคนสุดท้องอายุเพียงแค่ 9 เดือน ถูกทิ้งให้อยู่ในห้องเช่าบริเวณตลาด ม.1 ต.ธนู อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา ในสภาพสกปรก รก ข้าวของกระจัดกระจายเต็มห้อง

โดยเพื่อนบ้านเล่าว่า ครอบครัวนี้ย้ายมาอยู่ที่บ้านพัก ประมาณ 2 เดือน มีกันทั้งหมด 5 คน ไม่รู้ว่าย้ายมาจากที่ไหน มีพ่อแม่อายุราว 20-21 ปี ส่วนเด็ก 3 คน อายุ 3 ปี ,1 ปี และ 9 เดือน ซึ่งเด็กเหล่านี้ช่วงกลางวันแม่ออกไปรับจ้างล้างไข่ ได้ค่าแรงวันละ 300 บาท ส่วนพ่อไม่รู้หายไปไหน จึงถูกทิ้งให้อยู่กันตามลำพังทุกวัน




โดยเพื่อนบ้านรู้สึกสงสารและเวทนาจึงแชร์เรื่องราวให้สังคมเข้าช่วยเหลือ เนื่องจากต้องการนม ขนม และของใช้เด็ก โดยพบว่าช่วงเวลาที่พ่อแม่เด็กออกไปทำงานจะคล้องกุญแจไว้ที่ประตูด้านนอก เพื่อไม่ให้เด็กออกมา เนื่องจากห้องเช่าอยู่ติดถนน เวลาได้ยินเสียงคนมาเรียกเด็กจึงจะมาเปิดประตูเพราะเด็กหิว ขวดนมบูดแล้วบูดอีก ไม่มีคนดูแล ส่วนข้าวก็ได้กินบ้าง ไม่ได้กินบ้าง อยู่ดูแลกันเองโดยพี่คนโตอายุ 3 ขวบ จะเป็นคนคอยดูแลน้องเอาข้าว เอานมให้กิน

ล่าสุด นางสาวจิราพรรณ ปิ่นนาค เจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ลงพื้นที่ตรวจสอบโดยจะดำเนินการเรียกตัวพ่อแม่เด็กมาพูดคุยหาแนวทางในการดูแลเด็ก หากดูแลไม่ได้จะต้องส่งเด็กทั้งสามไปอยู่ในความดูแลของศูนย์เด็กเล็กพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ในเขตจังหวัดปทุมธานี เพื่อให้เด็กมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น










ที่มา: http://www.share-si.com/2017/07/blog-post_783.html

30/8/60






เมื่อวันที่ 29 ส.ค. ที่ศาลอาญาแผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ศาลได้นัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 2 เป็นโจทก์ฟ้อง นางพิชชาภา เอี่ยมสะอาด อดีตพนักงานจัดทำคิวโฆษณาของบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน), บริษัท ไร่ส้ม จำกัด โดย น.ส.อังคนา วัฒนมงคลศิลป์ และ น.ส.สุกัญญา แซ่ลิ่ม ในฐานะ กก.ผจก.บจก.ไร่ส้ม, นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง และ กก.ผจก.บจก.ไร่ส้ม และ น.ส.มณฑา ธีระเดช เจ้าหน้าที่ บจก.ไร่ส้ม เป็นจำเลย 1-4 ในความผิดฐานเป็นพนักงานเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งหน้าที่ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่, เป็นพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่องค์กร, เป็นพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และสนับสนุนพนักงานกระทำความผิดดังกล่าว ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 ม.6, 8 และ 11 กรณีการยักยอกเงินค่าโฆษณาเกินเวลาในรายการ “คุยคุ้ยข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ ช่อง 9 อสมท กว่า 138 ล้านบาท

ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้วเห็นว่า ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยมานั้นชอบแล้ว จึงพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ว่า นางพิชชาภา อดีต พนักงานบริษัท อสมท มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การของรัฐ จำคุก 20 ปี ส่วนนายสรยุทธ / และนางสาวมณฑา พนักงานบริษัทไร่ส้ม มีความผิดฐานสนับสนุน จำคุก 13 ปี 4 เดือน และปรับ บริษัท ไร่ส้ม รวม 80,000 บาท





สำหรับคดี บริษัท ไร่ส้ม และนายสรยุทธ นอกจากความผิดดังกล่าวแล้ว ก็ยังมีอีกสำนวนที่ บริษัท อสมท ได้แจ้งความฐานปลอมเอกสาร จากมูลเหตุเดียวกัน ซึ่งฝ่ายจำเลยได้ต่อสู้คดีขอให้ศาลวินิจฉัยประเด็นคำฟ้องอัยการโจทก์ว่าจะเป็นการฟ้องซ้ำ กับคดีทุจริต ซึ่งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ก็เห็นว่าเป็นการฟ้องซ้ำ ศาลได้มีคำพิพากษาเด็ดขาดแล้ว สิทธิในการนำคดีมาฟ้องของอัยการโจทก์ จึงระงับไปศาลให้จำหน่ายคดีปลอมเอกสารนี้ออกจากสารบบความ

นอกจากนี้ยังมีคดีที่บริษัท อสมท. ยื่นฟ้องคดีเองต่อศาลแขวงพระนครเหนืออีกหนึ่งสำนวน โดยยื่นฟ้องนางพิชชาภา อดีตพนักงาน บริษัท อสมท / นายสรยุทธ กับพวกซึ่งเป็นพนักงานบริษัทไร่ส้มรวม 6 คน ฐานร่วมฉ้อโกงไป โดยคดีอยู่ระหว่างการสืบพยาน ซึ่งศาลแขวงพระนครเหนือ นัดสืบพยานอีกครั้งในวันที่ 17 ตุลาคม นี้

ทั้งนี้ ศาลได้พิจารณาคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวของนายสรยุทธ และจำเลยร่วมทั้งหมดแล้ว ซึ่งยืนหลักทรัพย์เงินสด และบัญชีเงินฝากคนละ 4 ล้านบาทแล้ว เห็นควรส่งคำร้องให้ศาลฎีกาเป็นผู้สั่งประกันต่อไป ขณะนี้ศาลอาญาทุจริตฯ ได้ออกหมายขังจำเลยทั้งหมด เพื่อให้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ควบคุมตัวไปคุมขังไว้ที่เรือนจำก่อนระหว่างรอฟังคำสั่งการประกันตัวจากศาลฎีกา

ต่อมาเวลา 16.30 น. ศาลฎีกามีคำสั่งเกี่ยวกับการประกันตัวถึงศาลอาญาทุจริตฯ ที่นายสรยุทธ และเจ้าหน้าที่บริษัท ไร่ส้ม จำกัด กับอดีตพนักงาน บมจ.อสมท จำเลยได้ยื่นคำร้องหลักทรัพย์คนละ 4 ล้านบาท เพื่อขอประกันตัวสู้คดี

โดยนายมนต์อนันต์ เรืองจรัส ทนายความของนายสรยุทธ และคณะได้เข้าฟังคำสังของ ศาลฎีกา ซึ่ง ศาลฎีกาได้พิเคราะห์คำร้องและหลักทรัพย์ในการประกันตัวของจำเลยทั้ง 3 รายเเล้วเห็นมีคำสั่งยังไม่ให้ประกันตัวจำเลยในชั้นนี้ จึงให้ยกคำร้อง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการยื่นคำร้องประกันตัวใหม่นั้น จำเลยทั้ง 3 สามารถยื่นได้ในเวลาต่อไปจนกว่าคดีจะมีคำพิพากษาศาลฏีกาในคดีหลักออกมา เพียงแต่การยื่นคำร้องใหม่นั้นจำเลยจะต้องระบุเหตุและข้อเท็จจริงใหม่เพียงพอที่จะเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิมของศาลฎีกาซึ่งเป็นศาลสูง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมาเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ควบคุมตัวนายสรยุทธ และจำเลยคนอื่นมาขึ้นรถตู้ ก่อนส่งตัวไปคุมขังยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพต่อไป










ที่มา: https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_490553

20/8/60






คนรักกันมันก็ต้องมีการแสดงออกทางสัญลักษณ์บ้าง จึงไม่แปลกเลยที่จะมีหลายๆคู่ชอบสักรูปหน้าหรือชื่อของแฟนตัวเองไว้บนร่างกาย หนุ่มคนนี้ก็เช่นกัน สงสัยจะรักแฟนมากเลยสักรูปหน้าของเธอไว้ที่หน้าอกซะเลย แต่สุดท้ายก็ผิดหวังดันอกหักซะนี่ แล้วลายที่สักไปแล้วล่ะจะทำยังไง ง่ายนิดเดียว ก็สักใหม่ทับลงไปเลยสิ แล้งเขาสักเป็นรูปอะไรน่ะหรอ ถ้าอยากรู้ต้องลองไปดูกัน บอกได้เลยว่าพีคมาก




















ที่มา: https://www.kinorza.com/6879867-2/

Blog Archive

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

Recent Comments

Formulir Kontak

ชื่อ

อีเมล *

ข้อความ *

recent posts

flickr photos

About us

recent posts

?ิ??ี่?ี่ ????????์

Random Posts

ข่าวยอดฮิด

Follow on twitter

Follow on Fanpage

Follow Me

Recent Posts

Flag Counter

Recent Posts

Text Widget