โลกโซเชียลแห่ให้กำลังใจครอบครัวของ “น้องเอเดน” ที่ป่วยเป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องตั้งแต่กำเนิด ต้องใช้เงินจำนวนมากเพื่อปลูกถ่ายไขกระดูก ล่าสุดผู้สื่อข่าวเวิร์คพอยท์ ได้พูดคุยกับพ่อของน้องเอเดน ที่ยังหวังจะได้รับการบริจาคสเต็มเซลล์ รักษาลูกป่วย
จากกรณีในโลกออนไลน์ได้มีการแชร์เฟซบุ๊กของผู้ใช้ชื่อว่า Mo’Chitlada Ekprasertkul ได้โพสต์ข้อความบอกว่า น้องเอเดน วัย 5 เดือน ลูกแม่โมกับพ่อนก ที่ทางแพทย์สันนิษฐานว่ามีอาการโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องแต่กำเนิด จนต้องนอนรักษาอยู่สภากาชาด โรงพยาบาลเด็ก นานกว่า 1 เดือน โดยทางแพทย์ต้องใช้เงินรักษาโดยการปลูกถ่ายไขกระดูก 1 ล้านบาท ต่อมา มีชาวเน็ตเห็นใจแห่ช่วยบริจาค ยอดเงินกว่า 6 แสนบาท
ทีมข่าวเวิร์คพอยท์ได้มีโอกาสพูดคุยกับ นายวสันต์ พ่อของน้องเอเดน กล่าวถึงอาการของลูกชายว่า น้องเอเดน วัย 5 เดือน ป่วยเป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องตั้งแต่กำเนิด เป็นผู้ป่วยที่พบเจออาการนี้ในประเทศไทยน้อยมาก ส่วนใหญ่มักพบในเด็กโตกว่านี้
โดยอาการเริ่มแรกคือน้องเอเดนไม่สบาย น้ำมูกไหลและเป็นไข้ อาการดูเหมือนเด็กเล็กป่วยทั่วไป แต่ปรากฏว่าผ่านไป 1-2 สัปดาห์แล้วก็ไม่หาย จึงได้ให้แพทย์วินิจฉัยอย่างละเอียด พบว่ามีอาการปอดติดเชื้อรุนแรง
หมอสันนิษฐานว่าน้องเอเดนอาจเป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องแต่กำเนิด ยังคงต้องรออีก 3 เดือน แพทย์จะดำเนินการส่งเลือดของน้องเอเดนไปตรวจโคโมรโซม เพื่อให้ได้รู้ว่าเป็นชนิดไหน ที่ต้องรอถึง 3 เดือน เพราะน้องได้รับเลือดจากคนอื่นอยู่
นายวสันต์ เล่าให้ฟังต่อว่า แนวทางการรักษาของลูกชายคือ ต้องปลูกถ่ายสเต็มเซลล์ หรือเซลล์ต้นกำเนิด ประเทศไทยมีโรงพยาบาลที่เชี่ยวชาญด้านการปลูกถ่ายไขกระดูกสันน้อย โดยหลักเกณฑ์ของผู้บริจาคนั้นเป็นพี่น้องท้องเดียวกัน ที่มีลักษณะพันธุกรรมจากการตรวจ (human leukocyte antigen: HLA) เข้ากันได้ 100%
หรือผู้บริจาคที่ไม่ใช่พี่น้องของผู้รับ แต่มี HLA ที่เข้ากันได้ 100% ส่วนใหญ่ผู้บริจาคมักเป็นพี่น้องท้องเดียวกัน แต่น้องเอเดนเป็นลูกคนแรก จึงเป็นเรื่องยากที่จะหาผู้บริจาคที่เข้ากัน และแพทย์ไม่อยากให้รอนาน อีกหนทางหนึ่งก็ต้องเป็นตัวเขาหรือภรรยาที่จะบริจาคสเต็มเซลล์ให้ลูก
ทั้งนี้ นายวสันต์ บอกว่าอยากให้มีผู้บริจาคสเต็มเซลล์มากกว่านี้ อย่างน้อยหากเข้ากันไม่ได้ก็ยังมีผู้ป่วยโรคอื่นๆ เช่นมะเร็งเม็ดเลือดขาว ทาลัสซีเมีย ฯลฯ ที่ยังต้องการอยู่ หากโชคดีก็ยังมีความหวังว่าจะมีสักคนที่ผลสามารถเข้ากับลูกของเขาได้
ส่วนสิทธิ์การรักษษตอนนี้ เขาได้ใช้บัตรทอง ยืนยันว่าสามารถใช้สิทธิได้ไปจนถึงการปลูกถ่ายไขกระดูก แต่การปลูกถ่ายไขกระดูกมีงบประมาณจำกัดต่อปี เพราะยังมีโรคที่รักษาด้วยการปลูกถ่ายไขกระดูกหลายโรค งบประมาณที่มีจะแบ่งตามจำนวนโรคที่คนเป็นเยอะ
ในส่วนของโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องแต่กำเนิด มีงบให้โรงพยาบาลที่สามารถปลูกถ่ายไขกระดูกได้แค่ที่ละ 2 คนต่อปี หมอยืนยันว่าตอนนี้ในปีนี้เต็มหมดแล้ว ประกอบกับแต่ละที่มีความเชี่ยวชาญในการปลูกถ่ายไขกระดูกแต่ละโรคไม่เหมือนกัน ตอนนี้ก็รู้สึกเป็นกังวล หากโรงพยาบาลปฏิเสธการรักษา เพราะไม่เคยมีเคสแบบนี้มาก่อน อีกทั้งเด็กจะต้องมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง พร้อมต่อการเข้ารับการรักษาอีกด้วย
ทั้งนี้จากการตรวจสอบข้อมูลของเว็บไซด์ของศูนย์บริจาคโลหิตสภากาชาดไทย ถึงการบริจาคเซลล์ต้นกำเนิด ทราบว่า มีผู้ลงทะเบียนบริจาคสเต็มเซลล์ทั่วประเทศประมาณ 2 แสนคน การบริจาคเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิตมี 2 วิธี ปัจจุบันนิยมวิธีการบริจาคเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิตทางหลอดโลหิตดำ เพราะง่ายและสะดวกสำหรับผู้บริจาค
และอีกวิธีหนึ่งการบริจาคไขกระดูกโดยใช้เข็มและกระบอกฉีดยาเจาะเก็บจากบริเวณสะโพกด้านหลัง (บริเวณขอบกระดูกเชิงกราน) ซึ่งดำเนินการเก็บในห้องผ่าตัดก่อนการบริจาค ผู้บริจาคสามารถเลือกวิธีบริจาคได้หรืออาจจะได้รับการร้องขอจากแพทย์ ให้บริจาคด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง ซึ่งก่อนบริจาคจะต้องมีการตรวจสุขภาพของผู้บริจาค ซึ่งการบริจาคสเต็มเซลล์นั้น ไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริจาคแต่อย่างใด แต่กลับช่วยชีวิตผู้ป่วยได้
ที่มา:https://www.sanook.com/news/7477094/
0 comments:
แสดงความคิดเห็น