รุกข มรดก องค์ความรู้ที่ยิ่งใหญ่ ที่เป็นมากกว่าเรื่องราวของธรรมชาติ แต่ยังสะท้อนความผูกพันของคนกับธรรมชาติ เชื่อมโยงวัฒนธรรมไทย ความเชื่อ ความศรัทธาของแต่ละท้องถิ่น ตลอดจนวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวไทย ตั้งแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบัน
เพื่อสืบสานคุณค่าของ มรดกแผ่นดิน กระทรวงวัฒนธรรม จึงได้ดำเนินการคัดเลือกต้นไม้ตามโครงการดังกล่าว โดยได้แต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิร่วมพิจารณาคัดเลือกต้นไม้ที่มีขนาดใหญ่และมีอายุยาวนาน หรือมีคุณสมบัติในข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้
๑. มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ และมีความสำคัญต่อชุมชน หรือมีตำนานเรื่องเล่าประกอบ
๒. อยู่ในพื้นที่ที่มีความสำคัญทางวัฒนธรรมหรือสถานที่สำคัญต่างๆ
๓. เป็นต้นไม้หายาก หรือใกล้สูญพันธุ์
๔. อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม โดยได้รับการดูแลที่ดี
๕. อื่นๆ ตามที่คณะกรรมการพิจารณาเห็นสมควร
ซึ่งแต่ต้นล้วนแสดงให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติในประเทศไทยในแต่ละภูมิภาค สร้างความตระหนักถึงคุณค่าของมรดกทางธรรมชาติ สร้างจิตสำนึกอนุรักษ์ และหวงแหนทรัพยากรทางธรรมชาติเหล่านี้ให้แก่อนุชนรุ่นหลังต่อไป และนี่คือตัวอย่าง รุกข มรดก ๕ ต้นที่ควรค่าการเรียนรู้
๑. จำปาขาว พิษณุโลก
ต้นจำปาขาว อายุ ๗๐๐ กว่าปี ขนาดเส้นรอบวง ๖.๗๐ เมตร ความสูง ๑๕ เมตร สันนิษฐานว่าเป็นต้นเดียวกับที่กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงบันทึกไว้ว่า “พ่อขุนบางกลางท่าว เจ้าเมืองบางยาง ทรงปลูกไว้เป็นอนุสรณ์ คู่เมืองของเมืองนครบางยาง” จึงประมาณได้ว่าปลูกมาก่อนปี พ.ศ. ๑๘๐๖
ปัจจุบันอยู่ในการดูแลของวัดกลาง ตำบลนครไทย อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก
๒. ทุเรียนเจ้าเมือง สุราษฎร์ธานี
ต้น ทุเรียนโบราณ อายุกว่า ๓๐๐ ปี ขนาดเส้นรอบวง ๘.๑๕ เมตร สูงประมาณ ๘๐ เมตร มีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาว่า บริเวณบ้านสวนกล้วยใกล้น้ำตกห้วยกลิ้งในปัจจุบันเคยเป็นสวนผลไม้ของเจ้าเมืองเวียงสระ โดยมีผลไม้นานาชนิดในอดีตหากใครลักลอบเข้าไปจะหลงทางหาทางกลับบ้านไม่ได้ เดือดร้อนถึงญาติต้องออกตามหา จุดธูปบนบานสานกล่าวขอขมาต่อเจ้าเมือง รุกขเทวดา เจ้าที่ เจ้าทาง จึงจะพบและนำออกมาได้ ทุเรียนต้นนี้เป็นต้นเดียวที่เหลืออยู่ในบริเวณที่คาดว่าเป็นสวนเจ้าเมืองเวียงสระ
ปัจจุบัน อยู่ในการดูแลของนายสุวัฒน์ ดาวเรือง บ้านสวนกล้วย ตำบลบ้านส้อง อำเภอเวียงสระ จังหวัดสุราษฎร์ธานี
๓. หว้าน้ำคู่รัก อุบลราชธานี
ต้นหว้าน้ำ หรือ หมากหว้าน้ำ สองต้นยืนโดดเด่นเคียงกันกว่า ๓๐๐ ปี ณ ลานหินทราย ริมฝั่งโขง บ้านลาดเจริญ ตำบลนาแวง อำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี ปกติจะจมอยู่ใต้ผืนน้ำในช่วงฤดูน้ำหลากกว่า ๘ เดือน พอหน้าแล้งน้ำลด จะปรากฏขึ้นมาให้เห็นลำต้นอวบคดโค้ง แตกกิ่งใบ เป็นพุ่มเขียวงอกงามมาบรรจบกัน มองดูคล้ายซุ้มรูปหัวใจ และผลิใบออกดอกผลในช่วงเดือน มีนาคม-เมษายน ด้วยความงดงามของรูปทรงและการยืนหยัดผ่านฤดูกาลต่างๆ ร่วมกันมายาวนาน ทำให้ต้นหว้าคู่นี้เป็นสัญลักษณ์แห่งความรักและมักจะมีคนมาขอพรอยู่เสมอ
๔. ป่าคำชะโนด อุดรธานี
บนพื้นที่ราว ๒๐ ไร่ ณ ตำบลวังทอง อำเภอบ้านตุง จังหวัดอุดรธานี คือ ที่ตั้งของ ป่าคำชะโนด ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ตำนานพญานาค ปู่ศรีสุทโธ ศูนย์รวมจิตใจและศรัทธาของชาวอำเภอบ้านตุง
ป่าคำชะโนด มีลักษณะเป็นเกาะลอยอยู่บนนํ้า ภายในมีสภาพเป็นป่าพรุดิบชื้น มีต้นชะโนด (ลักษณะคล้ายต้นตาลผสมต้นมะพร้าวและต้นหมาก) ซึ่งเป็นพืชที่หายากขึ้นอยู่หนาแน่น อายุกว่า ๒,๐๐๐ ปี สูงราว ๓๐ เมตร โดยรากของต้นชะโนดแผ่ออกในแนวนอนเกาะเกี่ยวกันพยุงเกาะแห่งนี้ให้ลอยน้ำได้ ส่วนพื้นดินมีสีคล้ำเปียกชื้นตลอดเวลา มีเฟิร์นขึ้นปกคลุมหนาทึบ แดดแทบจะไม่ส่องถึงพื้น และต้นไม้ใหญ่เล็กขึ้นแซมหลายชนิด นับว่าเป็นป่าดึกดำบรรพ์ผืนสุดท้ายของประเทศไทยที่ยังคงมีความอุดมสมบูรณ์อยู่
๕. กลุ่มต้นยางนารักษ์สิ่งแวดล้อม เชียงใหม่
ต้นยางนา ขนาดใหญ่ ที่ปรากฏแก่สายตาริมสองฟากฝั่ง ถนนสายเชียงใหม่-ลำพูน ณ เขตอำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ วัดเส้นรอบวงโดยเฉลี่ย ๔ เมตร และสูงกว่า ๔๐ เมตร ยืนตระหง่านเรียงรายไปจนสุดสายตาตลอดแนวถนนจำนวนถึง ๘๘๖ ต้น เป็นภูมิทัศน์ที่งดงามสุดพิเศษ สร้างความประทับใจแก่ผู้สัญจรไปมาไม่รู้ลืม
โดยกลุ่ม ต้นยางนา นี้ ปลูกเมื่อ พ.ศ.๒๔๔๔ ตามนโยบายของเจ้าพระยาสุรสีห์วิสิษฐ์ศักดิ์ (เชย กัลยาณมิตร) ข้าหลวงใหญ่มณฑลพายัพ และมีการกำหนดกฎระเบียบในการดูแลรักษาอย่างเคร่งครัด จึงเจริญเติบโตได้ดีและสวยงามมาจนกระทั่งถึงทุกวันนี้
ด้วยคุณค่าและความสำคัญทางประวัติศาสตร์มายาวนานกว่า ๑๐๐ ปี ในปัจจุบันถนนสายนี้จึงได้รับการประกาศเป็นพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
กระทรวงวัฒนธรรม
Website: www.m-culture.go.th
Facebook: www.facebook.com/ThaiMCulture
YouTube: www.youtube.com/channel/UCmS
Youtube ที่เกี่ยวข้อง: https://www.youtube.com/user/itmculture
ขอบพระคุณแหล่งที่มา:https://news.mthai.com
0 comments:
แสดงความคิดเห็น