ให้ปลาฉันหนึ่งตัว ฉันมีกินแค่หนึ่งวัน สอนฉันจับปลา ฉันมีกินตลอดไป
ต้องรู้จัก สอนลูกจับปลา ไม่ใช่จับปลาให้ลูกกิน
เราควรจะให้เบ็ดต กปลาแล้วสอ นวิธีการหาปลาให้แก่ลูก ไม่ใช่ให้ปลาลูก
เพื่อให้เขารู้จักการเอาตัวรอดในสังคม และ รู้จักการหากินด้วยตัวของเขาเอง
วันนี้เรามีเรื่องราว ข้อคิดดีๆมาฝากคนที่เป็นพ่อเป็นแม่
เพื่อนำข้อคิด ดีๆ นี้ ไปสอนลูกสอนหลาน ในการดำเนินชีวิตที่ดี
และ ประสบความเร็จในสภาพสังคมยุคปัจจุบัน
วัยรุ่นคนหนึ่งขอเงินแม่ไปเที่ยว แม่บอกว่า
ลูกรู้ไหมว่าสมัยแม่อายุเท่าลูก ไม่เคยเที่ยวที่ไหน
ต้องทำงานทุกอย่าง พับถุงกระดาษขาย ตั ดใบตองให้แม่ค้า เงินทองหาย าก
แต่ละบาทแต่ละสต างค์ต้องอาบเหงื่อต่ างน้ำ จะไปเที่ยวอย่ างนี้ไม่ได้
วัยรุ่นคนนั้นได้แต่ฟังแม่เงียบๆ
ลูกต้องรู้จักความลำบาก ไม่งั้นอีกหน่อย เกิดตกย าก
แล้วจะทำยังไง ขึ้นรถเมล์ก็ไม่เป็น ใช้เงินอย่างนี้ จะเอาตัวรอดได้ยังไง
เมื่อแม่เทศน์จบ ก็ควักเงินยื่นให้ลูก
นี่ไม่ใช่เรื่องแต่ง พ่อแม่จำนวนมากทำอย่ างนี้ เมื่อลูกขอเงินไปเที่ยว
จะเล่า ย้อนไปถึงชีวิตลำบากของตนในวัยเท่ากันแล้วลงท้ายให้เงินลูกไป
คนหาเช้ากินค่ำ สมัยก่อนไม่มีคำว่า มรดก ในพจนานุกรมชีวิต
ทุกอย่ างในชีวิตต้องหามาเองด้วยสองมือ
ทว่าคนรุ่นนี้เมื่อลืมต าอ้าปากได้และเป็นพ่อแม่
มักจะทำให้ลูกเสี ยค นโดยไม่ตั้งใจ
พ่อแม่จำนวนมากเก็บเงิ นเก็บทอ งไว้
โดยไม่ยอมใช้ บอกว่า เก็บไว้ให้ลูก
เหตุผลอาจเพราะ พ่อแม่ไม่อย ากให้ลูก
ผ่านความลำบากเหมือนตัวเอง
การให้ทุกอย่ างแก่ลูก เหมือนสะท้อน
สิ่งที่ตัวเอง อย ากได้ในวัยเด็ก
แต่มันกลับสร้างนิสัย ไม่สู้งานหนักไปโดยปริย าย
ไม่มีเงินก็เป็นปัญหาแบบหนึ่ง มีเงินก็เป็นปัญหาอีกแบบหนึ่ง
บางครั้งและบ่อยครั้งการมีเงินมากอาจทำให้เลี้ยงลูกย ากขึ้น
เงินก็เหมือนคอเลสเตอรอล น้อยไปก็ไม่ดี มากไปก็อันตราย
ในสังคมบูชาคนรวย ให้ค่ากันที่ภายนอก และ ต้องการรวยทางลัด
การอบรมสั่งสอนจึงย ากขึ้นเรื่อยๆ เพราะสภาพแวดล้อมรอบตัว
ทางเดียวที่จะให้ลูกโตขึ้นแล้วยืนด้วยตัวเองได้ คือต้องสอนเรื่องวินัยการใช้เงิน
ไม่พอกพูนด้วยคอเลสเตอรอลแห่งวัตถุนิยมมากเกินไปจนอ่อนแอ
พ่อแม่ต้องมองภาพกว้าง และ มองให้ออก ว่าหากให้มากเกินไป
จะทำให้ลูกทำอะไรไม่เป็นเลยหรือเปล่า
ความรักย่อมเป็นเรื่องดี แต่ต้องรักให้ถูกวิธีด้วย
คนรวยที่ฉลาด รู้ว่าการได้เงินเป็นเรื่องง่ายกว่าการสูญเสียเงิน
และคนที่ไม่รู้จักหาเงินมักเสียเงินได้ง่ายกว่า
คนที่รวยจากสม บัติที่ได้มาง่ายๆ จากมรดก
อาจจะขาดความรู้สึกดีๆ ของการสร้างตัวด้วยมือตัวเอง
มีตัวอย่ างจริงไม่น้อย ที่คนรว ยแบ่ งส ม บัติครึ่งหนึ่ง
ให้องค์กรการกุศลและที่เหลือให้ลูกหลาน
เพื่อให้ลูกหลานเรียนรู้ที่จะยืนได้ด้วยตัวเอง
มหาเศรษฐีลำดับต้นๆ ของโลกอย่ างวอร์เรน บัฟเฟตต์ บอกว่า
ลูกๆ ของเขาจะต้องหาเส้นทางของพวกเขาเอง แน่นอนลูกๆ ของเขา
ก็รู้ว่าเขารอช่วยทุกอย่ าง แต่ก็ต้องลงแรงทำงาน
การให้เงินทองแก่ลูกหลานด้วยจำนวนที่มากพอสบายทั้งชีวิต
เพียงเพราะพวกเขาเกิดมาในครอบครัวที่มีพร้อม เป็นเรื่องที่ไม่น่ายินดีนัก
เพราะ การให้มากไปอาจทำให้ลูกจับปลาเองไม่เป็น
บัฟเฟตต์จึงให้มรดกแก่ลูกหลาน
มากพอที่พวกเขารู้สึกว่าสามารถทำอะไรก็ได้
แต่ไม่มากพอที่พวกเขาไม่ต้องทำอะไรเลย
เราต้องสอนค่านิยมชื่นชมบุคคล ที่สร้างตนเองจากศูนย์อย่ างสุจริต
รู้คุณค่าของการทำงาน การสร้างตัว
ไม่กลัวงานหนัก สิ่งที่ควรให้ลูกมากกว่าเงินก็
คือความเอา ใจใส่ นี่อาจเป็นสิ่งที่มีค่ากว่าการให้เงินอย่ างเดียว
ตามสุภาษิตที่ว่า สอนลูกจับปลา ไม่ใช่จับปลาให้ลูก
ขอบคุณแหล่งที่มา: http://www.chit-in.com