24/9/63










ใครไม่เคยเป็น “เล็บขบ” ไม่รู้หรอกว่ามันทรมานขนาดไหน จะย่างกรายไปทางไหนก็แสนจะเจ็บปวด ยิ่งหนองแตกยิ่งปวดหนักเป็นสองเท่า บางคนเป็นหนัก ๆ ถึงกับต้องถอดเล็บ โอ้ย…แค่คิดก็ทรมานแล้ว ใครที่เป็นเล็บขบอยู่ต้องหาวิธีรักษาแล้วล่ะค่ะ ส่วนใครที่ไม่อยากเป็นเล็บขบ ต้องอ่าน !


เล็บขบเกิดจากอะไร

ใคร ๆ ก็รู้ใช่ไหมว่า “เล็บ” มีหน้าที่ป้องกันอันตรายให้นิ้ว และส่วนนี้จะไม่มีเส้นประสาทอยู่ ทำให้เราไม่รู้สึกเจ็บปวดเมื่อเกิดโรคขึ้นกับเล็บ แต่ถ้าเกิดโรคนั้นกินเข้าไปถึงผิวหนังแล้วล่ะก็ “เล็บ” ก็สร้างความปวดร้าวให้เจ้าของเล็บสุด ๆ เลยล่ะ โดยเฉพาะ “เล็บขบ” (Unguis Incarnatus) โรคเล็บที่เกิดขึ้นได้บ่อยมาก ๆ ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิด “เล็บขบ” ได้ก็คือ





1. การใส่รองเท้าที่บีบมากเกินไป เพราะจะทำให้เนื้อที่อยู่ด้านข้างของเล็บถูกบีบเข้ามา เล็บก็เลยไปกดเนื้อด้านข้าง เมื่อเล็บงอกมันก็จะงอกลึกลงไปในเนื้อ ทำให้รู้สึกเจ็บปวด นอกจากนี้ การใส่รองเท้าส้นสูงเกินไป ปลายเท้าแหลมเกินไป ก็ทำให้เท้าถูกบีบจนเล็บงอกตามปกติไม่ได้ ต้องกินเข้าไปในเนื้อ

2. การตัดเล็บไม่ถูกวิธี หลายคนตัดเล็บด้านข้างเป็นมุมแหลมชิดเนื้อ หรือลึกเกินไปนั่นเอง ทำให้เล็บงอกใหม่ไปทิ่มที่ซอกเล็บ จนเกิดแผลและมีอาการปวดตามมา หรือบางคนชอบแต่งเล็บให้โค้งเข้าในซอกเล็บมากเกินไป และชอบแคะ ขูด งัดซอกเล็บบ่อย ๆ

3. การติดเชื้อราที่เล็บ

4. อุบัติเหตุ เช่น ปลายนิ้วเท้าชอบไปชนอะไรบ่อย ๆ ทำให้เล็บฉีกขาดแทงเข้าไปในซอกเล็บได้ หรือการเล่นกีฬา เช่น เทนนิส แบดมินตัน ฟุตบอล บาสเกตบอล ซึ่งทำให้กระดูกนิ้วทำงานหนัก


5. การมีเล็บเท้าที่กว้างกว่าปกติ หรือเกิดจากการที่นิ้วเท้ามาซ้อนเกย หรือเบียดกัน



เล็บขบ อาการร้ายแรงขนาดไหน

ในคนที่เพิ่งเป็น “เล็บขบ” ก็อาจมีอาการแค่บวมแดงบริเวณซอกเล็บ ถ้าไปสัมผัสถูกจะรู้สึกเจ็บ แต่หากติดเชื้อมากขึ้น จะรู้สึกปวดแม้ไม่ได้สัมผัส และมีหนองไหลออกมาจากขอบเล็บ บางคนปวดทรมานจนไข้ขึ้น ใส่รองเท้าเดินไม่ได้ ซึ่งถ้าเป็นถึงขั้นนี้ ต้องรีบไปพบแพทย์ เพื่อทำการรักษาก่อนจะติดเชื้อมากกว่านี้

อย่างไรก็ตาม ในผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน โรคเอดส์ หรือเส้นเลือดไปเลี้ยงที่เท้าตีบ หากเป็นเล็บขบ แนะนำให้ไปพบแพทย์แต่เนิ่น ๆ เลยค่ะ แม้อาการจะยังไม่มาก เพราะโรคที่คุณเป็นอยู่อาจทำให้เล็บขบมีอาการรุนแรงมากขึ้นได้ โดยเฉพาะในผู้ป่วยเบาหวานที่แผลจะหายช้า บางรายอาจมีอาการติดเชื้อจนลึกไปถึงกระดูกได้เลย

เล็บขบทำอย่างไรดี

แน่นอนว่า “เล็บขบ” จะทำให้คุณรู้สึกปวดเล็บเป็นอย่างมาก แม้จะกินยาแก้ปวดก็บรรเทาได้เพียงชั่วครู่เท่านั้น จึงต้องทำการรักษา ซึ่งก็มีทั้งการรักษาด้วยตัวเองแบบวิธีง่าย ๆ ในรายที่เป็นไม่มาก แต่ในรายที่เป็นมากก็คงต้องไปพบแพทย์

ก่อนอื่นมาดูกันว่า วิธีง่าย ๆ ในการรักษาเล็บขบด้วยตัวเองกันก่อน วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่ยังมีอาการไม่มาก เพียงแค่ปวดบวมแดงเล็กน้อย และยังไม่มีหนอง ทำได้โดย





1. แช่เท้าในน้ำอุ่น หรือน้ำเกลืออุ่น ๆ สัก 10 นาที เพื่อบรรเทาอาการปวด

2. ตัดเล็บส่วนเกินที่ไม่เจ็บออก เพื่อไม่ให้มีเศษผง หรืออะไรสกปรกค้างอยู่ เพราะเศษสกปรกนี้จะทำให้เกิดการอักเสบติดเชื้อรุนแรงขึ้น

3. ใช้แอลกอฮอล์ 70% เช็ดเล็บให้สะอาด

4. หาวัสดุอะไรสักอย่างที่เล็ก ๆ บาง ๆ แข็ง ๆ พอสมควร เช่น เส้นด้าย ไม้จิ้มฟันก้านบาง ๆ หรือไหมขัดฟัน สอดเข้าไปใต้เล็บ งัดเอาเล็บขึ้นมา ตรงนี้อาจจะรู้สึกปวดบ้าง ให้ทำอย่างเบามือที่สุด

5. เอาสำลีสอดลงไปบริเวณที่เล็บมันจิกขบอยู่ จะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดลงได้ แล้วกินยาปฏิชีวนะ ประเภทเตตร้าซัยคลิน หรือแอมพิซิลลิน และก็กินยาแก้ปวดพวกพาราเซตามอล จะบรรเทาอาการเจ็บปวดและการอักเสบจากการติดเชื้อลงได้มาก

คนไข้ที่ใช้วิธีนี้รักษาเล็บขบยังสามารถอาบน้ำล้างเท้าได้ตามปกติ และควรจะถูสบู่ที่ซอกเท้า ซอกเล็บ วันละ 2 ครั้ง เพื่อกำจัดเชื้อโรคออกไปด้วย หลังอาบน้ำเสร็จควรใช้แอลกอฮอล์ 70% เช็ดเล็บให้สะอาด แล้วใช้ผ้าพันไว้ เพื่อจะได้ไม่โดนอะไรสกปรกอีก และที่สำคัญต้องเลิกใส่รองเท้าบีบ และตัดเล็บให้ถูกต้องด้วยค่ะ



สมุนไพรแก้เล็บขบ

นอกจากนี้ ยังมีวิธีการบรรเทาอาการเล็บขบด้วยการใช้สมุนไพรไทยด้วย มาดูกันว่า วิธีรักษาเล็บขบด้วยสมุนไพรไทย มีสูตรไหนบ้าง

สูตรที่ 1 ใช้ใบพลู หรือใบฝรั่งประมาณ 3-5 ใบ นำมาตำรวมกับเกลือประมาณ 1 หยิบมือและพอกไว้บริเวณที่เล็บขบ ใช้ผ้าพันเพื่อปิดแผลไว้ ควรพอกอย่างต่อเนื่องประมาณ 5-7 วัน อาการช้ำและเล็บขบจะค่อย ๆ ทุเลาลงจนหายดี และเพื่อความสะอาดควรเปลี่ยนผ้าพันทุกวัน วันละสองเวลาเช้าและเย็น

สูตรที่ 2 โขลกใบฝรั่งสด 2 ใบ เกลือ 1/2 ช้อนชา ข้าวสุก 2 ช้อนโต๊ะ ให้เข้ากัน นำมาพอกตรงหนองบริเวณที่เล็บขบจะช่วยบรรเทาอาการปวดได้

สูตรที่ 3 ตำไพล 1 แง่ง (ยาวประมาณ 2 นิ้ว) เกลือตัวผู้ (เกลือที่เป็นเม็ดยาว ๆ) 7 เม็ด ข้าวสุก 1 กำมือให้ละเอียด พอกบริเวณที่เป็นแผล ภายใน 20 นาที จะทำให้หนองแตกออกมาและหายปวดได้

สูตรที่ 4 ฝานมะนาวตรงส่วนหัวออกให้พอสอดนิ้วเข้าไปได้ ใช้มีดคว้านเอาเนื้อในออกเล็กน้อย ทาปูนแดงบาง ๆ บริเวณที่เล็บขบ แล้วสอดนิ้วที่เป็นเล็บขบเข้าไปด้านในของมะนาว ทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที ทำวันละ 2-3 ครั้ง เช้า-เย็น อาการจะทุเลาขึ้น

วิธีรักษาเล็บขบ เป็นหนอง แบบนี้ต้องหาหมอแล้วล่ะ

การรักษาเล็บขบด้วยตัวเองที่กล่าวมาข้างต้นสามารถบรรเทาอาการได้เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่หากต้องการให้เล็บขบหายขาด หรือในรายที่เป็นมาก ๆ เช่น นิ้วบวมมาก มีหนองไหล เกิดการติดเชื้อ ก็ต้องไปพบแพทย์แล้วล่ะค่ะ ซึ่งแพทย์ก็จะให้ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียแบบทา หรือแบบรับประทานมาให้ แต่ถ้าใครเป็นหนัก คือ นิ้วโป้งบวมแดงมาก ปวดมาก หนองไหลมาก หรือมีก้อนเนื้อบริเวณข้างเล็บหนาตัวขึ้น แพทย์ก็จะช่วยถอดเล็บให้

“ถอดเล็บ” ฟังดูแล้วน่ากลัวใช่ไหมคะ แต่จริง ๆ แพทย์จะถอดเล็บเฉพาะส่วนด้านข้างที่ขบเท่านั้น โดยจะฉีดยาชาให้ก่อน เพื่อที่คนไข้จะได้ไม่รู้สึกเจ็บ จากนั้นก็ใช้กรรไกรตัดเล็บเข้าไปในแนวยาว แต่ไม่ถึงโคนเล็บ และคีมคีบเล็บส่วนที่ขบออกมา หรือหากมีหนอง แพทย์ก็จะเอาหนองออกมาด้วย แล้วทำความสะอาดให้ พร้อมกับจ่ายยาปฏิชีวนะให้ทาน เท่านี้ก็เรียบร้อยแล้ว แต่พอหมดฤทธิ์ยาชาแล้วอาจจะรู้สึกปวดนิดหน่อย แต่รับรองว่าไม่เจ็บปวดเท่าตอนที่ถูกเล็บขบกดลงไปในเนื้อแน่ ๆ ค่ะ

อย่างไรก็ตาม หลังจากถอดเล็บแล้ว คนไข้ต้องพันแผลเอาไว้ และทายาฆ่าเชื้อจนแผลหายสนิท ทำความสะอาดแผลวันละ 2 ครั้ง และพยายามอย่าให้แผลเปียก ซึ่งปกติแผลจะหายได้ภายใน 2-3 สัปดาห์



ป้องกันเล็บขบ ไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำ

ใครที่รักษาเล็บขบหายแล้วก็ต้องป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำอีกครั้ง ส่วนใครที่ไม่เคยเป็นเล็บขบ ถ้าไม่อยากสัมผัสประสบการณ์ปวดเล็บอันแสนทรมาน มาดูวิธีป้องกันเล็บขบกันเลย

1. ตัดเล็บให้เป็นแนวตรง อย่าตัดติดเนื้อ หรือขอบข้างของเล็บออกจนสั้นกว่าตรงกลาง แล้วใช้ตะไบถูขอบเล็บให้หายคม โดยก่อนตัดเล็บอาจแช่เท้าในน้ำสักครู่ เพื่อให้เล็บอ่อนตัว จะช่วยให้ตัดเล็บง่ายขึ้น

2. เลือกใส่ถุงเท้ารองเท้าที่พอดีกับเท้า ไม่คับเกินไป หัวรองเท้าไม่บีบนิ้วเท้าจนเกินไป และหากต้องใส่รองเท้าส้นสูงก็ไม่ควรเลือกรองเท้าที่สูงเกินไป

3. รักษาความสะอาดของเท้าอยู่เสมอ ถูสบู่ให้สะอาด เพื่อป้องกันเชื้อโรค แล้วเช็ดนิ้วเท้าให้แห้ง จะช่วยลดการสะสมของเชื้อโรคในซอกเล็บได้

4. หลีกเลี่ยงปัจจัยที่อาจทำให้เล็บไปชนกระแทก หรือเกิดการเสียดสีจนเล็บฉีกขาดได้









ขอบคุณแหล่งที่มา:https://www.khaofc.com/articles/107096



 

 







 


รัฐบาลไทยเตรียมทวงคืนโบราณวัตถุจากสหรัฐ กลับสู่มาตุภูมิ คาดได้คืนมีนาคมปีหน้า

นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า รับทราบความคืบหน้าการติดตามทวงคืนโบราณวัตถุ ปราสาทหนองหงส์ จ.บุรีรัมย์ และปราสาทเขาโล้น จ.สระแก้ว จากพิพิธภัณฑ์ในสหรัฐอเมริกา และได้รับการยืนยันว่าเป็นของไทยแล้ว ล่าสุดอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการทางกฏหมาย และศาลโอนกรรมสิทธิ์จากพิพิธภัณฑ์ให้แก่รัฐบาลกลางสหรัฐเพื่อเตรียมส่งคืนไทย คาดว่าจะดำเนินการแล้วจะแล้วเสร็จภายในเดือนมีนาคม 2564








       ไทยมีมติให้ทวงคืนโบราณวัตถุจากสหรัฐอีก 10 รายการ โดยจัดทำเอกสารแล้วเสร็จพร้อมส่งให้กระทรวงต่างประเทศประสานงานกับทางการสหรัฐ 1 รายการ ได้แก่ ประติมากรรมพระพุทธรูปประทับเหนือพนัสบดี ศิลปะทวราวดี เมืองโบราณซับจำปา อ.ท่าหลวง จ.ลพบุรี ซึ่งได้รับการยืนยันว่ามีถิ่นกำเนิดในไทย

       รายการส่วนใหญ่อีก 9 รายการ ซึ่งเป็นพระพุทธรูป จัดแสดงอยู่ภายในพิพิธภัณฑ์ของสหรัฐในรัฐต่างๆ ได้มอบหมายให้กรมศิลปากรศึกษาข้อมูลเพื่อจัดทำเอกสารแปลเป็นภาษาอังกฤษ ไปถึงสหรัฐอเมริกา และสหราชอาณาจักร เพื่อเข้าสู่กระบวนการขอคืนกลับสู่มาตุภูมิแผ่นดินไทยต่อไป













ขอบคุณแหล่งที่มา:https://www.winnews.tv/news/27433

22/9/63








ผมเชื่อว่าพวกเราทุกคนต่างก็ต้องการเป็นที่รักของใครต่อใคร จริงไหม?

ใครจะอย ากเป็นที่ถูกรังเกียจกันล่ะ

และการที่จะเป็นคนแบบนั้นได้ มันไม่ย ากเลย คุณเพียงแค่ต้องพย าย าม

สร้างพฤติก ร ร มในแบบที่ คนที่เอาใจใส่ผู้อื่นเขาทำกันยังไงล่ะ

1. ตรงต่อเวลา

แน่นอนว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นรถติ  ด รถเ  สี   ย

หรืออะไรก็ตามแต่ แต่การที่คุณสายเป็นประจำ

มันแสดงให้เห็นว่าเวลาของคุณมีค่ามากกว่าเวลา

ของคนอื่น อีกทั้งมันยังเป็นการ เ   สี  ยม   ารย าทอีกด้วย

หรือแม้ว่าคุณจะคิดว่าเวลาของคุณสำคัญกว่า

ของคนอื่นจริงๆ คุณก็ไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศ

ให้โลกรู้ สิ่งที่คุณควรทำก็คือ เอาใจเขามาใส่ใจเราและเป็นคนตรงเวลา





2. เห็นอกเห็นใจผู้อื่นอยู่เสมอ

การเห็นใจผู้อื่นเป็นเรื่องหนึ่ง ส่วนการแสดงความรู้สึกเห็นใจออกมาก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

มันเป็นเรื่องที่ดีหากคุณสาม  า  รถเข้าใจผู้อื่น แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า

คุณจะเป็นคนที่เอาใจใส่ผู้อื่นหรอกนะ

การเอาใจใส่และเห็นใจผู้อื่นอย่ างแท้จริงนั้นคุณจะต้องเข้าใจ

อีกฝ่ายเสมือนอยู่ในสถานการณ์เดียวกับเขา

คุณอาจจะต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองบ้างในบางครั้ง


ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนพฤติก ร ร ม

ของคุณเพื่อทำให้อีกฝ่ายรู้สึกดีหรือเสนอความช่วยเหลือ

ในสถานการณ์ที่พวกเขารู้สึกย่ำแ  ย่ก็ตาม

3. กล่าวขอโทษเมื่อจำเป็น (และไม่กล่าวพร่ำเพรื่อ)

มนุษย์เรามักกลัวเวลาที่จะไปทำให้ใครคนอื่นรู้สึกแ  ย่

และมักรู้สึกผิดพร้อมกล่าวคำขอโ  ท  ษบ่อยครั้งบ่อยครา

จนคุณค่าของคำขอโ  ท  ษนั้นอาจจะลดหลั่นลงไป

ซึ่งมันจะแตกต่างโดยสิ้นเชิงกับการขอโ  ท  ษด้วยความจริงใจเมื่อครั้งที่คุณรู้สึกผิดจริงๆ
 
หรือกล่าวเพราะรู้สึกจำเป็น การขอโ ท  ษเป็นส่วนสำคัญอย่ างยิ่งของการเป็นคนที่เอาใจใส่ผู้อื่น



4. ยิ้มบ่อยๆ

ในหลักการทางกายภาพแล้ว การทำหน้าบึ้งมักจะง่ายกว่าการยิ้ม เนื่  องการยิ้ม

นั้นต้องใช้กล้ ามเนื้อถึง 24 มัดด้วยกัน

แต่อย่ างไรก็ตาม การยิ้มก็ให้ผลดีเสมอ อีกทั้งยังก่อให้เกิดผลที่ดีมากๆ

ต่อบุคคลอื่น ในขณะที่คุยกับผู้อื่น มนุษย์เรามักจะปฏิบัติตัว

เหมือนเป็นกระจกสะท้อนฝ่ายตรงข้ามโดยที่คุณเองก็ไม่รู้ตัว

ดังนั้นเมื่อคุณยิ้มให้ผู้อื่น เขาก็จะได้รับความรู้สึกดีๆ เหล่านั้นไปโดยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัวเช่นกัน

5. มีมารยาท

มีหลายท่านที่ผมรู้จักคิดว่าม  า  รย าทเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น อีกทั้งยังมองว่าเป็นสิ่งที่ไร้ส  า  ระอีกด้วย

เพราะมันคือการเสแสร้างแกล้งทำ กลุ่มคนเหล่านี้

จะเชื่อว่าการมีม  า  รย าทคือการแสดงออกในสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเอง

ซึ่งพวกเขากำลังเข้าใจผิด เพราะการมีม  า  รย าทคือการให้ความสำคัญกับความรู้สึกของผู้อื่น

ไม่ใช่แค่ความรู้สึกของตัวคุณเองเท่านั้น มันคือการแสดงออกที่ตั้งใจจะทำให้ผู้อื่นรู้สึกสบายใจ

6. มีความฉลาดทางอารมณ์

หนึ่งในความเชื่อผิดๆ ในสัง  ค  มเราคือ รู้สึกเช่นไรก็ต้องแสดงออก









ไปเช่นนั้น ซึ่งมันไม่ถูกต้องเ  สี  ยทั้งหมด

เพราะมันยังมีสิ่งหนึ่งที่เรียกว่า การควบคุมตัวเอง ตัวอย่ างเช่น

การทำตัวเป็นมิตรกับคนที่ดูเหมือนว่าไม่ได้อย ากจะเป็นมิตรกับคุณเท่าไหร่นัก

ซึ่งการเป็นคนที่ใส่ใจผู้อื่นนั้น คือการเลือกไม่แสดงออกในสิ่งที่คุณรู้สึกจริงๆ นั่นเอง

7. พย าย ามผลักดันให้ผู้อื่นเป็นผู้ชนะ

หลายๆ คนชอบใช้ชีวิตในแบบที่ต้องมีผู้แพ้และผู้ชนะ ส่วนคน

ที่ใส่ใจผู้อื่นจะไม่พย าย ามมองหาผู้แพ้หรือผู้ชนะ

แต่พวกเขาจะพย าย ามผลักดันให้ทุกคนเป็นผู้ชนะให้ได้ มันไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปได้ง่าย

แต่มันก็คือเป้าหมาย หากคุณต้องการเป็นคนที่เอาใจใส่ผู้อื่น

คุณต้อง   ล้  มเ  ลิ   กความคิดที่ว่าชีวิตคนเราต้องมีผู้แพ้หรือผู้ชนะได้แล้ว

8. แสดงความช่วยเหลือให้กับผู้อื่น

บางครั้งคุณสาม   า  รถรู้ได้ว่าเขากำลังโมโหหรือกำลังรู้สึกแ  ย่

เพราะฉะนั้นการเป็นคนเอาใจใส่ผู้อื่นจึงหมายถึง

การที่คุณรู้ว่าใครกำลังต้องการความช่วยเหลือจากคุณอยู่

ซึ่งเมื่อคุณลงมือให้ความช่วยเหลือพวกเขาแล้ว

พวกเขาจะประทับใจในความห่วงใยของคุณอย่ างมากเลยทีเดียว

การเป็นคนที่เอาใจใส่ผู้อื่นเป็นเรื่องที่ดีทั้งด้านร่างกายและจิตใจ

อีกทั้งยังส่งผลดีต่อหน้าที่การงานและคนรอบข้างคุณด้วย

และเหนือสิ่งอื่นใด คุณเองก็รู้สึกดีไม่น้อยไปกว่าใครเลย









ขอบคุณแหล่งที่มา:https://www.chit-in.com/?p=38609


 







 


 เมื่อเวลา 17.00 น.วันที่ 22 ก.ย. 2563 ศูนย์วิทยุหน่วยกู้ภัยสว่างบริบูรณ์ธรรมสถานเมืองพัทยา จ.ชลบุรี รับแจ้งเหตุมีเด็กนักเรียนพยายามจะกระโดดสะพานลอย บริเวณด้านหน้าซอยเนินพลับหวาน ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้ง จึงรีบประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุพบประชาชนมุงดูเหตุการณ์จำนวนมาก เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้รถขวางปิดการจราจร พร้อมเจรจาพูดคุย ด.ช.เอก นามสมมุติ เด็กนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ของสถานบันศึกษาชื่อดังในอำเภอสัตหีบ อายุ 15 ปี สวมเครื่องแบบนักเรียนกปีนออกมาอยู่ด้านนอกราวสะพานลอย

เด็กนักเรียนดังกล่าวร้องไห้ตลอดเวลา โดยใช้มือเดียวจับราวสะพานลอยอีกมือหนึ่งก็ปาดน้ำตาตลอดเวลา ซึ่งจากการเกลี้ยกล่อมเจ้าหน้าที่ใช้เวลาประมาณ 15 นาที ก่อนที่ช่วยวขึ้นมาจากราวสะพานลอย ก่อนนำตัวส่ง รพ.บางละมุง ได้อย่างปลอดภัย เบื้องต้นอยู่ในการดูแลของทีมแพทย์อย่างใกล้ชิด เพื่อเฝ้าดูอาการต่อไป

จากการตรวจสอบทราบว่านักเรียนคนดังกล่าว เป็นคนเดียวกับที่เคยพยายามจะฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดสะพาน จากสาเหตุรถสหกรณ์สองแถวไม่ยอมทอยเงินค่าโดยสาร ไปเมื่อวันที่ 14 ก.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้เข้าไปตรวจเช็กแล้ว พบว่ามีอาการป่วยโรคซึมเศร้า ต้องรับประทานยารักษาอยู่ตลอดเวลา ครั้งนี้ยังไม่ทราบว่าเพราะเหตุใดจึงออกมาเกิดเหตุซ้ำอีกครั้ง














ขอบคุณแหล่งที่มา:https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_4964932

21/9/63

 



ด่วน! ‘โรเบิร์ต สายควัน’ เสียชีวิตแล้ว เพื่อนดารา-ตลกแห่อาลัย บอล เชิญยิ้ม โพสต์ไอจีเป็นภาพคู่ บอกหลับให้สบายนะพี่

จากกรณีตลกดัง ‘โรเบิร์ต สายควัน’ ป่วยมะเร็งปอดและเข้ารับการรักษาตัว โดยมีเพื่อนตลกทั้งบอล เชิญยิ้ม, นุ้ย เชิญยิ้ม, ค่อม ชวนชื่น, แจ๊ส ชวนชื่น และ ตั๊ก บริบูรณ์ ค่อยดูแลทั้งเรื่องค่ารักษาพยาบาล







จากนั้นวันที่ 17 ก.ย. บอล เชิญยิ้ม, นุ้ย เชิญยิ้ม, ค่อม ชวนชื่น, แจ๊ส ชวนชื่น และ ตั๊ก บริบูรณ์ พร้อมภรรยา และลูกสาวของ‘โรเบิร์ต สายควัน’ แถลงอาการว่า ไม่พบเชื้อมะเร็งแล้ว แต่พบเชื้อวัณโรคปอด โดยอยู่ในช่วงในยาไปเรื่อยๆ เพื่อฆ่าเชื้อ แต่ตอนนี้ร่างกายโรเบิร์ตอ่อนแอมาก เหลือปอดเพียงข้างเดียว

ล่าสุด บอล เชิญยิ้ม โพสต์ไอจี เป็นภาพคู่ ‘โรเบิร์ต สายควัน’ พร้อมแคปชั่นว่า หลับให้สบายนะพี่ ก่อนมีบรรดาแฟนคลับและเพื่อนเข้าให้แสดงความเสียใจจำนวนมาก















ขอบคุณแหล่งที่มา:​https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_4944920

Blog Archive

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

Recent Comments

Formulir Kontak

ชื่อ

อีเมล *

ข้อความ *

recent posts

flickr photos

About us

recent posts

?ิ??ี่?ี่ ????????์

Random Posts

ข่าวยอดฮิด

Follow on twitter

Follow on Fanpage

Follow Me

Recent Posts

Flag Counter

Recent Posts

Text Widget