28/11/64

หลายคนผ่านช่วงเวลาชีวิตมาจนอายุ 60 ปี ทำให้รู้สึกว่าเสียดายหลายๆสิ่งที่ได้ทำลงไป และไม่ได้ทำ จึงได้มีการสัมภาษณ์ คนที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ว่าในช่วงเวลาที่ผ่านมา รู้สึกเสียดาย และอยากกลับไปแก้ไขเรื่องอะไรมากที่สุด และคำตอบส่วนใหญ่สามารถสรุปได้ 7 ข้อ ดังนี้






1. ทำในสิ่งที่อยากทำ ที่ผ่านมาหลายคนมักจะปล่อยโอกาสที่อยากจะทำอะไรหลายๆอย่างไป เพราะเหตุผลที่ว่า กลัวการล้มเหลว แต่เมื่ออายุ 60 ปี กลับเข้าใจว่า ความผิดพลาดนั้นไม่ใช่ การล้มเหลว แต่คือการไม่กล้าที่จะลงมือทำอะไรต่างหาก

2. เปลี่ยนงาน ถ้ารู้สึกว่างานนั้นบั่นทอนจิตใจ เมื่อถึงวัย 60 คนส่วนใหญ่มักจะบอกว่า ถ้ารู้แบบนี้จะไม่ทนทำงานที่คอยบั่นทอนจิตใจ ถูกเอาเปรียบจนเกินไป หรืออยู่ในสังคมเพื่อนร่วมงานแย่ๆอย่างแน่นอน และยิ่งอายุน้อยๆก็ยิ่งมีโอกาสที่จะมองหางานใหม่ๆที่เข้ากับตัวเอง และทำให้ตัวเองมีความสุขในการทำงาน

3. พูดคำว่ารักให้มากขึ้น ถึงแม้เราจะบอกว่า ความรักให้ดูที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด แต่การพูดบอกรัก ก็สร้างความมั่นใจให้กับคนรักของเราได้มากขึ้น เมื่อถึงวัย 60 เราจะเข้าใจได้มากขึ้น และอยากบอกรักพ่อแม่ พี่น้อง เพื่อนฝูง รวมถึงคนใกล้ตัวเราที่สุดอย่างลูก และภรรยาหรือสามี

4. เป็นตัวของตัวเองในวัยหนุ่มสาว เมื่ออายุมากขึ้น เราจะเข้าใจชีวิตได้ว่า คนเราเกิดมาแตกต่างกัน ไม่มีใครเหมือนกันไปหมดทุกอย่าง ดังนั้นเราไม่จำเป็นต้องทำตามคนอื่น เพียงเพราะสังคมพาทำ ให้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ และเป็นตัวของตัวเองให้ดีที่สุด ถ้าเรามองย้อนไปดู จะพบว่า คนที่ประสบความสำเร็จ มีเงินเดือนสูงๆ มักจะเป็นคนที่ทำตัวแตกต่างจากคนอื่น ไม่ใช่คนที่เป็นเหมือนคนอื่น

5. จะกังวลกับเรื่องต่างๆให้น้อยลง หลายคนเสียดายเวลาที่ต้องมานั่งกังวลกับเรื่องทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องเล็กๆน้อยๆที่ไม่เกิดประโยชน์อะไร เพราะสุดท้ายแล้วต่อให้กังวล เรื่องมันก็เกิดขึ้นแล้วจบไปในที่สุด เพียงแค่จะจบลงแบบไหน ก็อยู่ที่เราลงมือทำและแก้ไขมันก็เท่านั้น





6. เดินทางให้มากเท่าที่มากได้ ตอนเป็นหนุ่สาวก็อ้างว่าไม่มีเงิน พอเข้าวัยทำงานมีเงิน ก็อ้างว่าไม่มีเวลา แต่พอแก่ตัวมา มีทั้งเงินมีทั้งเวลา แต่กลับไม่มีแรงจะไปเที่ยวไหนเหมือนตอนหนุ่มสาวซะแล้ว ยิ่งอายุมากขึ้นก็ยิ่งเดินทางไปไหนลำบาก ไม่คล่องตัวเหมือนตอนวัยหนุ่มสาว ที่มีแรงมาก จะทำอะไรก็เต็มที่ได้ และสนุกมากกว่า

7. จะเชื่อฟังพ่อแม่ให้มากกว่านี้ ถึงแม้ว่าหลายคนจะบอกว่า พ่อแม่ไม่ได้รู้ทุกเรื่อง ไม่ได้ถูกต้องเสมอไป แต่พ่อแม่ก็เป็นคนที่หวังดีกับเรามากที่สุด อยากให้เราเติบโตไปอย่างดีที่สุด ดังนั้นการรับฟังคำตักเตือนของท่านไว้บ้าง ก็คงไม่เสียหายอะไร จากนั้นเราค่อยพิจารณาด้วยตัวเราเอง ว่าะเชื่อหรือไม่ และควรทำอย่างไรต่อไป เพราะสุดท้ายแล้วชีวิตเป็นของเรา มันก็อยู่ที่เราเลือกทำ

สุดท้ายแล้ว ชีวิตคนเราก็ไม่ได้ต้องการอะไรมากมาย ชื่อเสียงเงินทอง ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต มันเป็นเพียงแค่ความสุขชั่วคราว แต่ความสุขที่แท้จริงนั้นอยู่ที่ใจเรา อย่าไปคาดหวังอะไรกับชีวิตให้มาก ใช้ชีวิตให้ง่ายเข้าไว้ มีความสุขกับความสำเร็จเล็กๆในแต่ละช่วงวัยของตัวเองก็พอแล้ว






ตอน 1 ขวบ สามารถเดินได้โดยไม่ต้องให้ใครพยุง นั่นคือ ความสำเร็จแล้ว


ตอน 10 ขวบ จำทางกลับบ้านจากโรงเรียนได้ นั่นคือ ความสำเร็จแล้ว


ตอน 15 ปี มีความสุข เข้ากับเพื่อนๆได้ นั่นคือ ความสำเร็จแล้ว


ตอน 18 ปี สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ หรือเรียนต่อสิ่งที่อยากเป็นได้ นั่นคือ ความสำเร็จแล้ว


ตอน 22 ปี เรียนจบจากมหาวิทยาลัย นั่นคือ ความสำเร็จแล้ว


ตอนอายุ 27 ปี มีงานทำที่มั่นคง นั่นคือ ความสำเร็จแล้ว


ตอนอายุ 35 ปี มีครอบครัวที่อบอุ่น นั่นคือ ความสำเร็จแล้ว


ตอนอายุ 45 ปี ให้การศึกษาที่ดีแก่ลูกๆได้ นั่นคือ ความสำเร็จแล้ว


ตอนอายุ 60 ปี ยังขับรถ ไปไหนมาไหนเองได้ นั่นคือ ความสำเร็จแล้ว










ขอบคุณแหล่งที่มา:​ http://bitcoretech.com/

เราไม่ได้มีเวลาไปตลอด ทุกคนต่างเกิดมามีเวลาที่จำกัด เพียงแค่ช่วงระยะเวลาหนึ่งของชีวิต บางคนมีเวลาน้อยมาก บางคนก็มีเวลาได้เยอะกว่าคนอื่น แต่ไม่ได้หมายความว่า คนมีเวลาเยอะกว่า จะใช้ได้คุ้มค่ากว่า คนส่วนใหญ่จะมี 10 ปี อยู่ 7 ครั้ง







1. 10ปี แรก เราต่างหมดไปกับความไร้เดียงสา ด้วยความยังเล็ก ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร


2. 10ปีต่อมา เราต้องหมดไปกับการศึกษาเล่าเรียน ใช้เวลาไปกับหนังสือ การสอบแข่งขัน


3. 10ปีต่อมา เราหมดเวลาไปกับการทำงาน รีบเร่งหาเงิน เพื่อสร้างอนาคตที่ฝันไว้


4. 10ปีต่อมา เราหมดเวลาไปกับการสร้างควรอบครัว สร้างฐานะเพื่อครอบครัว






5. 10ปีต่อมา เราหมดเวลาไปกับการลงหลักปักฐาน และรักษาสิ่งที่เราหามาให้ยังอยู่กับเรา


6. 10ปีต่อมา เราหมดเวลาไปกับการรักษาสุขภาพ ที่เราใช้มันอย่างหนักตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา


7. 10ปีสุดท้าย เราหมดไปกับการปล่อยวาง ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราพยายามหามาทั้งหมด เพียงเพื่อรอเวลากลับบ้าน


ถึง 70ปี จะเป็นระยะเวลาที่นานสำหรับหลายๆคน


แต่จริงๆแล้วมันเป็นแค่ 10ปี 7ครั้ง ที่ไวเหมือนโกหก จนเราก็ยังตกใจ


เรายังไม่ได้ทำอะไรที่อยากทำอีกตั้งเยอะ แต่เวลาก็ผ่านไปมากแล้ว


กว่าเราจะรู้ตัว บางอย่างก็สายเกินที่จะได้ลงมือทำมันซะอีก


เราใช้เวลาที่มีไปแลกกับงาน แล้วก็เอางานไปแลกกับเงิน


แต่เราก็ไม่เคยที่จะเอาเงิน ไปแลกเวลากลับคืนมาได้สักวินาทีเดียว


ที่อยากจะบอกก็คือ อยากให้รุ็ว่า ตอนนี้เราเหลือเวลาอยู่เท่าไหร่


เราใช้เวลา 10ปี ที่มีของเรา ไปทั้งหมดกี่ครั้งแล้ว


และเราก็ไม่มีทางรู้ได้เลยว่า เราจะยังมี 10ปี ที่เหลืออยู่เท่าไหร่


เราจะอยู่ใช้ 10ปี ที่เหลือได้ครบทั้ง 7 ครั้งหรือเปล่า


ไม่มีใครรู็ว่า จะมีชีวิตอยู่ได้ถึงวันไหน ทุกคนต่างรู้ได้แค่วันเกิด


แต่สิ่งสำคัญมันไม่ได้อยู่ที่เวลาที่เหลือ แต่มันอยู่ที่ว่า…


เราใช้เวลาสิบปีของเราไปคุ้มค่าหรือเปล่า…?


จงใช้เวลาที่มีอยู่ตอนนี้ ให้มันคุ้มค่าที่สุด เพื่อที่ว่าเวลาเราหันกลับมามอง


เราจะไม่รู้สึกเสียดายเวลาที่ผานมาเลยแม้แต่น้อย


นั่นแหละ แปลว่า เรามช้มันอย่างคุ้มค่ากับเวลาที่มีแล้วจริงๆ














ขอบคุณแหล่งที่มา:​ http://bitcoretech.com/

ชาวบ้านแห่กราบไหว้ไอ้ไข่วัดสมานมิตรโคราช ขอโชคลาภกันอย่างคึกคัก หลังจากมีคนมาขอโชคถูกรางวัลกันหลายงวดติด







 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศที่ วัดสมานมิตร ตำบลหนองงูเหลือม อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนครราชสีมา ก่อนวันออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดวันที่ 1 ธันวาคม 2564 ปรากฏมีว่ามีชาวบ้าน นักเสี่ยงโชคจำนวนมาก ได้เดินทางมากราบไหว้ขอพร ขอโชคลาภ รวมทั้งแก้บนไอ้ไข่ วัดสมานมิตรกันอย่างคึกคัก ทำให้ตลอดทั้งวัน ภายในวัดสมานมิตร มีคนมาขอพรจากไอ้ไข่อย่างไม่ขาดสาย ขณะที่ผู้โชคดีที่มาขอพรสมหวัง ก็ได้นำสิ่งของแก้บน เช่นประทัด ชุดทหาร ของเล่น รูปปั้นไก่ น้ำแดง และของแก้บนอีกหลายอย่าง มาแก้บนกันอย่างคึกคักตลอดทั้งวัน

 ขณะที่ผู้โชคดีรายใหญ่ที่ได้รับโชคถูกรางวัล รับทรัพย์จำนวนมาก รวมทั้งผู้ที่มาขอพรให้กิจการรุ่งเรือง ที่เดินทางมาแก้บน ตามที่บนบานไว้ คอหวย พากันจุดธูปเลข ขอเลขเด็ด จากไอ้ไข่ ทำให้บรรยากาศภายในวัดสมานมิตรก่อนวันหวยออก มีคนมากราบไหว้ขอโชคกับไอ้ไข่กันเป็นจำนวนมาก บางคนที่ถูกหวยได้นำทองคำมาแก้บนกับไอ้ไข่ก็มี ซึ่งวัดสมานมิตร แห่งนี้ มีศาลาไม้ให้นั่งพักชมธรรมชาติ มีบ่อปลาให้อาหาร ทำบุญ ปล่อยนกปล่อยปลา เป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งของเมืองโคราช ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากที่สุดในขณะนี้














ขอบคุณแหล่งที่มา:​ sanook.com

27/11/64

** โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม **


ข่าวหวย : ตามส่อง! เลขเด็ด “แม่น้ำหนึ่ง” มาครบเลข 2 ตัว 3 ตัว

เลขที่แม่น้ำหนึ่งให้มาเป็นแนวทางมีทั้งเลขฟัน เลขเน้น เลข 2 ตัว เลข 3 ตัว ได้แก่เลข ฟัน 9, 9-4 เน้น 94, 93-43 ส่วนเลข 3 ตัว ได้แก่เลข 943-948 พร้อมกับแนะสีมงคลประจำงวดนี้ ได้แก่ สีม่วง

ที่มา : เลขเด็ดแม่น้ำหนึ่ง






ข่าวหวย : งูเหลือมซุกใต้ฝากระโปรงรถ คอหวยส่องเลขทะเบียน เจ้าของรถบอกใครถูกหวยแบ่งด้วย

เจ้าขอคลิบได้ถ่ายให้เห็นฝากระโปรงหน้าที่งูเข้าไปซุกขดตัวอยู่ พร้อมโชว์ป้ายทะเบียนรถมาสด้าคันดังกล่าว หมายเลข 8 กศ 419 งานนี้ทำให้ชาวเน็ต

ที่มา : เลขเด็ดงูเหลือมใต้กระโปรงรถ


ข่าวหวย : แห่ขอเลขเด็ด เจ้าแม่ตะเคียนทองทิพย์ งวดที่แล้วตรงเป๊ะ

เลขเด็ดในวันนี้ คอหวยเห็นเลขปริศนา 334 บางคนมองเห็นเป็นเลข 384 และ 834 บางคนเอาเลขที่ตนมองเห็นมาจับคู่กัน หลายคนใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายภาพเลขเด็ดธูปมงคลของเจ้าแม่ เก็บไว้กลับบ้านให้ญาติ และมิตรสหายได้ส่องกันแบบชัดๆ

ที่มา : เลขเด็ดเจ้าแม่ตะเคียนทอง






ข่าวหวย : เต่าตัวนี้ เขาว่าแม่น คอหวยตีเลขเด็ดเต่ากระดองสีเหลืองทอง

ตัวนี้ไม่เหมือนเต่าทั่วไป กระดองมีสีเหลืองทอง ลวดลายคล้ายฐานพระสมเด็จชัดเจน ส่วนบริเวณหัวมีสีเหลืองอร่าม ขาทั้ง 4 ข้างมีสีเทาสลับลาย ซึ่งไม่เคยพบมาก่อน น่าจะเป็นเต่ามงคล วัดกระดองได้ความยาวและความกว้างเท่ากัน คือ 30 ซม. น้ำหนัก 3.40 กิโลกรัม จมูกและหูสีชมพู ที่กระดองมีลายคล้ายฐานพระสมเด็จ รวมทั้งหมด 36 ลาย แต่มองเห็นชัดเจน 5 ลาย

ที่มา : เลขเด็ดเต่ากระดองสีเหลืองทอง







ข่าวหวย : ตัวเงินตัวทองเข้าบ้าน “อาร์ต พศุตม์” บอกเลขเน้นๆ งวดนี้

ล่าสุด “อาร์ต พศุตม์” ได้เผยเผยคลิป ตัวเงินตัวทองที่เดินบุกเข้าไปที่บ้าน พร้อมกับข้อความว่า งวดนี้ มาจากบ้าน 94 ข้ามมาบ้าน 95 ออกไป บ้าน96 ต่อ ตัวใหญ่ นึกว่า จระเข้


ที่มา : เลขเด็ดอาร์ตพศุตม์

ข่าวหวย : ชั่วโมงเร่งด่วน อั้นไม่ไหว คลอดลูกบนรถ คอหวยส่องเลขเด็ดทะเทียนรถsanook.com



คอหวยไม่พลาด! จุดธูปเสี่ยงทายปีละครั้งที่สวนธรรมทิพย์ ส่องเจอเลขเด็ดเพื่อนำไปเสี่ยงโชคสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 1 ธ.ค. 64







วันนี้ (26 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากสถานปฏิบัติธรรม สวนธรรมทิพย์มงคลนาคา บ้านดอนกลอย หมู่ที่ 7 ต.ดอนกลอย อ.พิบูลย์รักษ์ จ.อุดรธานี ว่า สถานปฎิบัติธรรมดังกล่าวอยู่ห่างจากถนนสายหนองหาน  เพ็ญ ประมาณ 1.5 กิโลเมตร มีเนื้อที่ประมาณ 5 ไร่เศษ เป็นสวนธรรมที่ชาวบ้านดอนกลอยบริจาคที่ดินให้เป็นสถานปฏิบัติธรรม ที่มีพระอาจารย์นาค นาคินธ์ เป็นเจ้าสำนักที่มีชื่อเสียงโด่งดังข้ามวันเกี่ยวกับการไปหาซื้อเครื่องเสียง แล้วพระอาจารย์ทดลองเครื่องเสียงด้วยการสวดบทสวดสรภัญญะ กลอน “กาเหว่าวอน” จนเสียงดังสนั่นทั่วทั้งห้าง ด้วยท่วงทำนองอันไพเราะเอามากๆ



สำหรับ สวนธรรมทิพย์มงคลนาคา ยังไม่เป็นที่รู้จักของคนที่ชอบเสี่ยงโชคมากนัก แต่คนที่รู้ก็เดินทางไปขอโชคลาภกัน บางคนโชคดีมานับสิบครั้งถึงกับนำรูปปั้นพญานาคมาถวายวัด ในความเชื่อของเจ้าที่ที่ดูและในบริเวณสวนธรรมแห่งนี้ คือ ปู่กำนันวารีและย่าอุ้ย ที่ชาวบ้านให้ความศรัทธาเชื่อถือ






โดยมีการสร้างศาลไว้ภายในสวนธรรมให้ชาวบ้านกราบไหว้ขอโชคลาภกัน เมื่อประมาณ 2-3 วันที่ผ่านมา มีการจุดธูปเสี่ยงโชคหาตัวเลขขอโชคลาภจากปู่กำนันวารีและย่าอุ้ย ในรอบปีจุดปีละครั้ง ครั้งนี้ตรงกับการออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดวันที่ 1 ธันวาคม 2564 เจอตัวเลข 101 ตามสายตาของคนชอบเสี่ยงโชค



ลูกศิษย์พระอาจารย์นาคา บอกว่า ที่สวนธรรมแห่งนี้มีการนำต้นชะโนดมาปลูกเป็นป่าชะโนด อายุประมาณ 3 ปี เท่ากับตั้งสวนธรรมด้วยความเชื่อเรื่องพญานาค และยังเชื่อเจ้าที่ปู่กำนันวารี ย่าอุ้ย ผู้ดูแลสวนธรรมแห่งนี้

















ขอบคุณแหล่งที่มา:​ https://www.sanook.com/news/8480070/

18/11/64



เกิดเป็นผู้หญิงอย่าหยุดสวย​คำพู​ดนี้ยังคงใช้ได้ทุ​กยุคสมัย ล่าสุ​ด หมดเ​งินไป​ห​ลั​กล้า​น สำ​ห​รับคนนี้ แต่ไ​ด้ลุคใ​หม่ที่สว​ยมาก สาว​คนนี้เ​ธอเป็​นคนเ​วีย​ดนาม ที่บิ​นไปเปลี่ยนโฉ​ม เพิ่มค​วามปั​งกว่าเดิมที่​ประเทศเกา​หลี




​ลืมลุคเดิมไปเลย เมื่อสาวเ​วียดนา​มตัดสิ​นใจทำ​สวยครั้งให​ญ่ทั้ง​หน้า โดยค่าใช้จ่าย เธอเ​สียเ​งิ​นไปมูล​ค่ากว่า 2 ​ล้า​นบา​ท แต่ได้​ลุคให​ม่ที่ส​วยมาก ​ทั้งหวาน ละ​มุน ไม่​ต่างจากนางเอกใน​ซีรี่​ส์เ​ล​ยก็ว่าไ​ด้













แม้ราคาค่าจะสูง แต่ผลที่ได้มานับ​ว่าคุ้​มมาก เล​ยทีเดียวส​วยหวาน​มาก


เหมือนคนละคนไปเลยจริงๆ


เรียกได้ว่าคุ้มค่ามากๆจาก​การ​ทำ​สว​ยใ​น​ครั้งนี้





















ขอบคุณแหล่งที่มา:​ youlikekhaothai.online

14/11/64


นับเป็นอีกหนึ่งประเด็นร้อนในโลกออนไลน์ หลังเพจ "ปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน" ซึ่งมักจะออกมาแฉความไม่ชอบมาพากลของหน่วยงานราชการ โดยเฉพาะในประเด็นการใช้เงินงบประมาณที่ไม่เหมาะสม ล่าสุดเป็นกรณีของข้าราชการครูโรงเรียนแห่งหนึ่ง ในจังหวัดกาญจนบุรี ที่จัดทัวร์สัมมนาศึกษาดูงาน 3 วัน 2 คืน ที่ทะเล จ.ประจวบคีรีขันธ์ แต่กางโปรแกรม มีทั้งดำน้ำ ถ่ายรูปเซ็กซี่ริมหาด ไปจนถึงนั่งชิลที่ร้านกินดื่มริมทะเล งานนี้โซเชียลวิจารณ์กันจนแทบลุกเป็นไฟ







โดยทางเพจ ปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน ระบุข้อความในโพสต์ระบุว่า

ดูงานชั่วโมงเดียว ที่เหลือโชว์หวิวอยู่ทะเล


เริ่มคลายล็อกดาวน์ ก็จัดทริปเยือนทะเลอ้างดูงาน ส่งครูกลับบ้าน กำหนดการสุดปังดำน้ำ 5 ชั่วโมง แต่เข้าดูงานชั่วโมงเดียว ทริปนี้เป็นของโรงเรียน.... จ.กาญจนบุรี ทำโครงการไปราชการศึกษาดูงานประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 8-10 พ.ย. 2564 ใช้งบจ้างเหมารถทัวร์ 30,000 บาท


สองทุ่มคืนวันที่ 8 พ.ย. 2564 เก็บผ้าแบบด่วน ๆ ขึ้นรถทัวร์พร้อมแฮชแท็ก #ภารกิจส่งครูย้ายกลับบ้าน มุ่งหน้าสู่ประจวบคีรีขันธ์ เก้าโมงเช้าวันรุ่งขึ้นเช็คอินถึงบางสะพาน สิบโมงเดินคลายเส้นสดชื่นอยู่ริมชายหาด ตกบ่ายเปลี่ยนแผนจากดำน้ำ พากันไปถ่ายรูป โชว์ความเซ็กซี่ที่หาดสนรีสอร์ท ทัวร์ดำน้ำเกาะทะลุ จากนั้นเช็คอินนั่งเล่นอยู่ร้านฝนตก แดดออก .... ช่วงค่ำรวมตัวนั่งทานอาหารทะเล กินขนม น้ำเมาอยู่ริมชายหาด พร้อมแคปชั่น "ถ้าเธอต้องการความอบอุ่น เรามีให้คุณมากกว่าผ้าห่ม"






เช้าตรู่วันที่ 10 พ.ย. 2564 ใส่ทูพีชลงเล่นน้ำ สิบเอ็ดโมงกินกาแฟอยู่ที่ cafe .... บ่ายโมงแวะเยี่ยมชมโรงเรียน.... อ.หัวหิน ดูงานไม่ถึงชั่วโมงก็พากันขึ้นรถ ห้าโมงเย็นเช็คอินส่งครู..ที่โรงเรียน... จ.สมุทรสงคราม หลังดูงานอย่างหนัก เดินทางมุ่งหน้ากลับสู่ปลายทางอย่างสวัสดิภาพ


















ขอบคุณแหล่งที่มา:​ sanook.com

13/11/64



ฮือฮา ไม้พะยูงดำ หายากอายุเกือบ 100 ปี ห้องทำงาน รองผู้ว่าฯอุดรฯ ให้โชคแม่บ้าน 5 งวดติด เผยเรื่องประหลาด เตรียมมอบให้พิพิธภัณฑ์หลังเกษียน






วันที่ 12 พ.ย.2564 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ห้องทำงานของ นายกองเอกปราโมทย์ ธัญญพืช รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ซึ่งเปิดให้ผู้สื่อข่าวดูห้องทำงาน หลังจากทราบว่ามีสิ่งให้โชคแม่บ้านหลายงวดแล้ว โดยห้องทำงานอยู่ชั้น 2 ของศาลากลางจังหวัดอุดรธานี ภายในห้องดูสงบ ร่มเย็น มีพญาครุฑ โต๊ะบูชาพระพุทธรูป พระเครื่องจำนวนมาก แต่ที่สะดุดตาคือ ท่อนพะยูงดำ จำนวน 2 ท่อน ยาวประมาณ 1.5 เมตรอยู่ห้องทำงานข้าง ๆ โต๊ะหมู่บูชาพระพุทธรูป


นายปราโมทย์ กล่าวว่า สมัยตนดำรงตำแหน่งนายอำเภอกุดจับ เมื่อประมาณ 7 ปีที่แล้ว หน่วยงานด้านป่าไม้จับไม้พะยูงในพื้นที่ อ.กุดจับ ได้มาทั้งหมด 8 ท่อน แล้วได้มาเก็บไว้เป็นของกลางที่ อ.กุดจับ จึงประสานขอมาไว้ให้ประชาชนและผู้มาติดต่อราชการได้ดู 2 ท่อน เพราะเป็นไม้พะยูงหายาก อายุประมาณ 70 ปี หาดูไม่ได้แล้ว





ฮือฮา ไม้พะยูงดำ หายากอายุเกือบ 100 ปี ห้องทำงาน รองผู้ว่าฯอุดรฯ ให้โชคแม่บ้าน 5 งวดติด เผยเรื่องประหลาด



นายปราโมทย์ กล่าวต่อว่า ตนไม่ได้เอามาไว้เป็นของตัวเอง ซึ่งหากไม่ขอมาไว้ ก็จะต้องเอาของกลางไปเก็บไว้ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ก็ตั้งใจว่า หากเกษียนก็จะมอบให้พิพิธภัณฑ์เมืองอุดรธานี เก็บไว้ให้คนรุ่นลูกรุ่นหลานดูต่อไป เพราะเป็นไม้พะยูงดำหายาก





ด้าน ป้านุ่ม อายุ 51 ปี แม่บ้านห้องทำงานรองผู้ว่าฯ กล่าวว่า เคยเจอเรื่องแปลก ๆ บ่อย เช่น เข้ามาทำความสะอาดแล้วไฟดับไปเอง เราก็ตกใจ สักพักไฟก็ดับ และยังเคยเจอเวลาเปิดประตูเข้ามาทำความสะอาด ประตูก็ปิดเอง บางครั้งเดินเข้ามาภายในห้อง ปรากฏว่าจู่ ๆ ก็ร้องไห้ออกมา ตนเชื่อว่าท่อนพะยูงอาจจะมีเจ้าแม่สถิตย์อยู่ เพราะเสี่ยงโชคถูกมาแล้ว 5 งวดติด งวดล่าสุดได้ทองหนึ่งสลึงและเงินอีก 5,000 บาท จึงได้นำลูกบอลกับรถมาถวายให้










ขอบคุณแหล่งที่มา:​Matichon 

9/11/64



เดอะซัน สื่อแท็บลอยด์ชื่อดัง เปิดเผยเรื่องราวของคุณแม่ ชาวรัฐฟลอริดา สหรัฐฯ จ่อฟ้องเรียกค่าเสียหายจากโรงเรียนของลูก หลังเธอถูกทางโรงเรียนแบน และปลดออกจากตำแหน่งอาสาสมัครผู้ปกครองของโรงเรียน เหตุเพราะเธอมีชื่อเสียงจากการเป็นดาว OnlyFans แพลตฟอร์มที่มีเนื้อหาสุดสยิวสำหรับผู้ใหญ่







วิคทอเรีย ทรีซ คุณแม่ยังสาว ที่มีลูก 2 คน อายุ 10 และ 5 ขวบ ขณะที่ในโลกออนไลน์ เธอเป็นที่รู้จักในชื่อ วิคทอเรีย สนุ๊กส์ เจ้าของ OnlyFans ที่มีผู้ติดตามกว่า 123,000 คน และโด่งดังจากการอัปโหลดคอนเทนต์วาบหวิวตามสไตล์ เซ็กซ์ครีเอเตอร์



ล่าสุดวิคทอเรีย ถูกทางโรงเรียนประถมของลูกๆ ที่ตั้งอยู่ใน ออเรนจ์เคาน์ตี แคลิฟอร์เนีย ปลดออกจากการเป็นอาสาสมัคร และแบนไม่ให้เข้าร่วมกิจกรรมอาสาผู้ปกครองของทางโรงเรียน โดยให้เหตุผลเกี่ยวกับอาชีพเซ็กซ์ครีเอเตอร์ของเธอ






วิคทอเรีย โกรธกับเหตุการณ์นี้มาก เพราะเธอยืนยันว่า เธอทำหน้าที่ได้อย่างเหมาะสมในการเป็นแม่ และเป็นผู้ปกครอง รวมทั้งยังเข้าร่วมกิจกรรมของโรงเรียนอย่างแข็งขันเพื่อใช้เวลาใกล้ชิดกับลูกๆ ของตัวเอง และยังแต่งกายอย่างมิดชิดเหมาะสมทุกครั้ง ที่ไปโรงเรียนด้วย



เธอได้แต่งตั้งทีมกฎหมายเพื่อฟ้องเรียกค่าเสียหายจากทางโรงเรียน เป็นเงิน 1 ล้านเหรียญดอลลาร์ หรือราว 33 ล้านบาท จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ และยังทวิตข้อความระบายความอัดอั้นตันใจผ่านทวิตเตอร์ว่า "การกระทำของคนที่ดูดคอนเทนต์ใน OnlyFans ของฉัน แล้วส่งไปให้ทางโรงเรียน เป็นอะไรที่โหดร้ายมาก คุณไม่ต้องมาชอบในสิ่งที่ฉันทำก็ได้นะ แต่ไม่จำเป็นต้องทำเรื่องที่มันแย่ขนาดนี้เลย"













ขอบคุณแหล่งที่มา:​ sanook.com 



เรียกได้ว่าสร้างกระแสฮือฮาไปทั่ววงการ โดยเฉพาะในกลุ่มแฟนคลับคอนเทนต์ 18+ หลังจากดาวดัง OnlyFans ชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชีย คาซุมิ สเควิทส์ (Kazumi Squirts) ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า เธอตั้งเป้าหมายสำคัญในการมีเซ็กซ์กับหนุ่มไม่ซ้ำหน้า ให้ครบ 1,000 คน ก่อนอายุ 30 ปี ซึ่งตอนนี้เธออายุ 24 ปี ทำสถิติมาได้แล้ว 500 คน เหลือเวลาอีก 6 ปีในการทำภารกิจอีกครึ่งทางนี้ให้สำเร็จ







คาซุมิ เผยกับ Dailystar ว่า เธอไม่สนใจว่าใครจะพูดหรือนินทาอะไร ถึงการเป้าหมายของเธอ เพราะมันไม่ใช่ธุระกงการของคนอื่น และนี่ถือเป็นความท้าทายของตัวเธอเอง คาซุมิยังย้ำอีกว่า เธอป้องกันตัวเองเป็นอย่างดี มีการตรวจโรคอย่างสม่ำเสมอ ใช้อุปกรณ์คุมกำเนิด และป้องกันการติดโรคอย่างเคร่งครัด

เจ้าตัวบอกว่า กำลังวางแผนจัดปาร์ตี้เซ็กซ์หมู่ กับกลุ่มเพื่อนสนิท เพื่อให้การทำภารกิจนี้สำเร็จเร็วขึ้นด้วย

ที่สำคัญสาวแซ่บรายนี้ยังบอกอีกว่า สำหรับคนสุดท้าย คนที่ 1,000 นั้น เธอจะเก็บไว้ให้คนพิเศษสุดๆของเธอโดยเฉพาะ และถ้าทำภารกิจนี้สำเร็จ ก็คงต้องมีการฉลองกันอย่างแน่นอน














ขอบคุณแหล่งที่มา:​ sanook.com



ประเด็นน่าสนใจ

ชาวบ้าน จ.สุราษฎร์ธานี เลี้ยง ‘ปลาเม็ง’ ส่งขายกิโลกรัม ละ 2,500 บาท

ปลาเม็งเป็นปลาน้ำจืดตามธรรมชาติ มีขนาดเล็กรูปร่างคล้ายปลาดุก

ด้านชาวบ้าน จ.นครราชสีมา นำ ‘ไม้พาเลท’ ทำเป็นเฟอรืนิเจอร์เพิ่มมูลค่า


ศูนย์เรียนรู้เพาะเลี้ยง ‘ปลาเม็ง’ แปลงใหญ่ขนาดใหญ่ที่สุด ของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ชาวบ้านห้วยทราย ได้รวมกลุ่มกันเลี้ยงปลาเม็ง ส่งขายโดย นายกิตติศักดิ์ นาคกุล ผู้ใหญ่บ้าน กล่าวว่า เป็นผู้ริเริ่มนำปลาเม็งมาเลี้ยง จนเพาะขยายพันธุ์ประสบความสำเร็จ ก่อนที่จะร่วมกลุ่มกับชาวบ้านในพื้นที่ ร่วมกันเลี้ยงเป็นรายได้เสริม เพื่อแปรรูปเป็นปลาเม็งรมควันจำหน่ายสู่ตลาดร้านอาหารภายในจังหวัดและต่างจังหวัด







ปลาเม็งเป็นปลาน้ำจืดตามธรรมชาติ มีขนาดเล็กรูปร่างคล้ายปลาดุก มีเนื้อเป็นเส้นเหนียวและแน่น รสชาติหวานหอมมันอร่อย สามารถนำมาปรุงอาหารได้ทั้งแบบสดๆ เช่นแกงส้ม แกงคั่วใบรา แกงกะทิ และแบบแปรรูปรมควัน เช่น นำมายำต้มโคล้ง เป็นต้น


ทั้งนี้ ปลาเม็ง ตามธรรมชาติใกล้สูญพันธ์ เพราะโตช้า ที่ผ่านมา ใช้ระยะเวลาการเลี้ยงหลังจากผสมพันธ์ออกไข่จนโตสุด ระยะเวลา 18 เดือน หรือ 1 ปีครึ่ง ทำให้มีราคาแพง แบบสดจะจำหน่ายอยู่ที่กิโลกรัมละ 400-600 บาท ส่วนแบบแปรรูปรมควันซึ่งสามารถแช่ตู้เย็นเก็บไว้ได้นานเป็นปี กิโลกรัมละ 2,500บาท เนื่องจากแบบรมควันปลาสด 3 กก.นำมารมควันจะเหลือเพียงกิโลกรัมกว่าๆ เท่านั้น

ชาวบ้านนำ ‘ไม้พาเลท’ ทำเป็นเฟอรืนิเจอร์เพิ่มมูลค่า





ด้านชาวบ้านตะปัน ตำบลรังกาใหญ่ อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา ได้นำไม้พาเลทมาสร้างมูลค่า ดัดแปลงเป็นเฟอร์นิเจอร์ขาย โต๊ะเก้าอี้ ชุดนั่งเล่น กินข้าว ชั้นวางรองเท้า กล่องใส่ของขนาด เป็นการต่อยอดจากไม้พาเลท หรือ บางคนเรียกว่าไม้ลัง เเทนที่จะทิ้งไร้ค่า เเต่กลับมีค่าสำหรับ นางปัทมาวัล เดือนกลาง อายุ 55 ปี ชาวบ้านตะปัน ตำบลรังกาใหญ่ อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา






นางปัทมาวัล เล่าว่า เดิมทีมีอาชีพทำงานไม้ เเต่กำไรน้อย ไม่คุ้มทุน จึงปรับเปลี่ยนมาใช้ไม้ที่มีต้นทุนถูกลง นั่นก็คือไม้พาเลท ครั้งแรกคือนำมาประกอบโต๊ะ เก้าอี้ได้ 10 ชุด เเบ่งคร่าวๆ เป็นโต๊ะ 10 ตัว เก้าอี้ 40 ตัว ราคาขายเริ่มต้นชุดละ 1500 บาท / ไม่นับรวมเศษไม้ที่นำไปทำชั้นวางของ ชั้นวางรองเท้า ก็ขายได้ตั้งเเต่ 100 บาท นับเป็นอีกอาชีพ ที่สามารถเพิ่มมูลค่าของที่เกือบจะเป็นขยะให้มีมูลค่าได้ ยิ่งหากมีพื้นฐาน มีฝีมือและเพิ่มไอเดียสร้างชิ้นงานเท่ห์ๆ ไม่ซ้ำแบบใคร ก็สามารถทำเป็นอาชีพเสริมเป็นตัวเลือกได้อีกทางหนึ่ง










ขอบคุณแหล่งที่มา:​ mthai.com

8/11/64



เปิดใจ “แพน ดาวติ๊กต๊อก” ดรามาเปิดคลับเฮ้าส์เหยียดคนอีสาน ยันสลดถูกด่า “โดนัท” เผยมือทำต้องการให้หัวร้อน

กรณีคนกลุ่มหนึ่ง ตั้งห้องในคลับเฮ้าส์ แล้วพูดเหยียดคนอีสาน จนเกิดประเด็นดราม่าในโลกโซเชียล พร้อมติดแฮชแท็ก #คลับเฮ้าส์toxic  คนออกมาวิจารณ์กันเดือดว่าควรให้แสงพวกหิวแสงแบบนี้หรือไม่







รายการโหนกระแสวันที่ 8 พ.ย. 64 “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ในฐานะผู้ดำเนินรายการ ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.35 น. ทางช่อง 3 กดเลข 33 สัมภาษณ์ ทนายแดง คุ้มพงษ์ ภูมิภูเขียว ตัวแทนกลุ่มคนอีสาน..บ่ทน , คุณแพน หนึ่งในกลุ่มนั้นที่ไปเหยียดคนอีสาน บอกอยู่ในกลุ่มจริงแต่ไม่ได้ว่าคนอีสาน รวมทั้ง “ลาล่า อาร์สยาม” ที่ออกมาวิจารณ์ในเรื่องนี้

ทนายแดง สรุปแล้วเรื่องนี้ข้อกฎหมายแตะถึงเหรอ?

ทนาย : ก็จะเป็นเทคนิค รายละเอียดนิดนึง เรื่องหมิ่นประมาทคงไม่เข้า เพราะบุคคลที่สามเขาไม่ได้ระบุ แต่พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ เป็นความผิดต่อรัฐ ผมคนธรรมดาทั่วไปอาจไม่ใช่ผู้เสียหาย แต่รัฐมันมีข้อความดูหมิ่นเหยียดหยามอย่างนี้  แต่ภาษากฎหมายเขาไม่ได้บอกว่าดูหมิ่นเหยียดหยามนะ เป็นผู้ใดกระทำการโดยทุจริต นำเข้าข้อมูลอันบิดเบือน หรือข้อมูลอันเป็นเท็จ แล้วไปสร้างความเดือดร้อนเสียหายให้เกิดขึ้นกับประชาชนคนทั่วไป ขัดต่อความสงบเรียบร้อย และศีลธรรมอันดีของประชาชน นี่เป็นข้อกฎหมาย เราก็มองว่าในมุมเรา ทีมงานเรา น่าจะเข้าข้อกฎหมายแล้ว แม้เราไม่ใช่ผู้เสียหายตามกฎหมาย แต่ว่ามันเป็นภาระหน้าที่ของทางรัฐต้องไปดำเนินการ



เรื่องนี้คุณไม่พอใจมาก?

ลาล่า : ที่สุดค่ะ ใช้คำว่าเสียใจและไม่พอใจเป็นที่สุดเลย เพราะกลุ่มเราคือกลุ่มศิลปินลูกอีสานโดยแท้จริง เราไปสร้างชื่อเสียง เราทำทุกอย่างเพื่อประเทศ เพื่อพ่อเพื่อแม่ แล้วทำไมคุณต้องมาดูถูกเราขนาดนี้ เพียงแค่พื้นที่เรามันกันดาร คุณเอาอะไรมาวัดว่าบ้านเรามันต้อต่ำ เป็นคนกันดาร คุณรู้หรือไม่ว่าประเทศไทยถูกแบ่งเป็น 4 ภาค แต่ละภาคก็เป็นอุตสาหกรรม เกษตรกรรม บ้านเราคือเกษตรกรรมที่ต้องทำนาข้าวอยู่แล้ว แต่คุณมาใช้คำว่าต้อยต่ำกับพวกเรา เทียบค่าเงินกับพวกเรา แทนที่จะขอบคุณพวกเรามากว่า ด้วยอาชีพ ไมว่าจะเป็นกรรมกร ชาวนา ทำให้คุณมีอยู่มีกิน มีตึกรามบ้านช่อง ที่เขาต้องมาสร้างตึกทนแดดทนฝน หลังสู้ฟ้า หน้าสู้ดินแบบนี้ เหยียดแบบนี้ลาล่าไม่โอเค แล้วลาล่าคิดว่าคนกลุ่มนี้เขาได้รับการศึกษาที่ดี แต่ทำไมจิตใจเขาถึงไม่ดีเลย มาคิดเปรียบเทียบอย่างนี้ ไม่ยอมค่ะ

แพนอยู่ในกลุ่มนั้น กลุ่มนั้นชื่ออะไร?

แพน : พรรคมังกรฟ้า ทำไมชื่อนี้หนูก็ไม่ทราบเหมือนกัน





ไปรู้จักได้ยังไงกับพรรคนี้?

แพน :  ก็เข้าไปในคลับเฮ้าส์ปกติ หนูโดนเขาดึงเข้าไปคุยเล่น แล้วก็ถูกคอกัน ตอนแรกหนูก็โดนเขาด่า แต่พอรู้จักกันเขาก็ไม่ด่าแล้วค่ะ

เขาตั้งห้องมาเพื่ออะไร?

แพน : ส่วนมากที่ตัวหนูเองเข้าไปจะเป็นการไปคุยเล่นมากกว่า บางห้องที่ไปเป็นห้องคุยเล่นค่ะ

ในห้องนั้นส่วนใหญ่เขาพูดถึงเรื่องอะไร พรรคนี้ก่อตั้งมาทำไม?

แพน : เหมือนแต่ก่อนในคลับเฮ้าส์เท่าที่รู้มาจะมีพวก... พูดได้มั้ยคะ (หัวเราะ) เอาเป็นว่าเขาจำกัดพวก 18+ กำจัดพวกนี้ออกไปหมดเลยค่ะตั้งแต่ตอนแรก แล้วไม่มีห้อง 18+

เป็นคนดีขั้นมาอีก?

แพน : แรกๆ ค่ะ

ใครเป็นหัวหน้าห้อง?

แพน : มันหลายๆ คนค่ะ ในพรรคมังกรฟ้ามีหลายคนที่อยู่ข้างใน เลยไม่แน่ใจว่าใคร ไม่มีหัวหน้าทีมค่ะ

ปลั๊ก บุญ เม้ง โอดิน รู้จักมั้ย?

แพน : รู้จักค่ะ

คุณใช้ชื่อในคลับเฮ้าส์ว่าอะไร?

แพน : แพนเฉยๆ ค่ะ

เขาว่าคุณไปเหยียดด้วย?

แพน : มีคนเข้าใจผิดค่ะ มันจะมีอีกแอ็กเคานต์นึงที่ใช้นามว่าเพนนี่ ส่วนหนูชื่อแพน แล้วทีนี้มีคลิปเสียงที่เพนนี่เขาออกมาพูดว่าคนอีสานจกปลาร้า แล้วสื่อเอาไปเขียนว่าแพน ดาวติ๊กต๊อกว่าคนอีสานจกปลาร้า แต่มันไม่ใช่เสียงหนู คนมาโถมหนูเรื่องนี้หนักเลย หนูก็เป็นคนอีสาน อุดรธานี



ทำไมไม่ห้าม?

แพน : หนูห้ามค่ะ คุณบุญก็ห้ามบอกว่าอย่าไปพูดอะไรแบบนี้

เสียงผู้หญิงที่พูดว่าผู้หญิงอีสานมีลูกตั้งแต่ 14 หาพ่อไม่ได้?

แพน : อันนี้หนูไม่แน่ใจว่าใครพูดค่ะ หนูไม่รู้ด้วยค่ะ ไม่ได้เปิดฟังเลยค่ะ

ไม่ได้ปกป้องกันใช่มั้ย?

แพน : ไม่ค่ะ

รู้มั้ยเขากำลังตามล่าพวกหนูอยู่?

แพน : รู้ค่ะ ส่วนตัวหนูไม่โอเคกับการเหยียดเหมือนกันค่ะ แต่เราอยู่ในห้องนั้นค่ะ

ครั้งนึงมีชายคนนึงพูดแล้วหนูขึ้นไมค์บอกว่าช่วยพูดให้มันชัด?

แพน : ใช่ค่ะ อันนี้หนูพูดค่ะ อันนี้เสียงหนูค่ะ เขาพูดก่อนว่ามึงพูดไทยชัดหรือเปล่า ใช่คนไทยมั้ย เขาว่าหนูก่อนเลยเสียดสีไป เขาก็น่าจะคนอีสานค่ะ คือเหยียดกันสองคน โต้กันสองคน กับคนที่น่าจะชื่อว่าโดนัทค่ะ

วันนี้ตัวคุณเองสามารถบอกได้มั้ย ใครเป็นใครอะไรยังไง?

แพน : ลึก ๆ แล้วหนูไม่ได้รู้จักทุกคน รู้แค่บางส่วนค่ะ

รู้จักต้าร์มั้ย?

แพน : รู้จักค่ะ ต้าร์คือปลั๊กค่ะ คุยแต่ในคลับค่ะ

เม้งรู้จักมั้ย?

แพน : รู้จักค่ะ แต่ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว

เม้งคือคนไปด่าลิซ่า ย่ำยีลิซ่า มีใครเตือนเขามั้ย?

แพน : น่าจะมีนะคะ เพราะห้องนั้นหนูไม่ได้เข้าไปอยู่ค่ะ

เม้งเล่นโซเชียลชื่อเผือก แต่ตัวจริงชื่อบอล?

แพน : ค่ะ ชื่อเจมส์บอนด์ค่ะ

เจมส์บอนด์เท่ไป ไม่ให้ค่าขนาดนั้น บอลเฉยๆ นี่แหละ โอดินรู้จักมั้ย?

แพน : รู้จักแค่ในคลับค่ะ ไม่ได้สนิทค่ะ

หลายคนตามมาถึงน้อง หลังเป็นกระแสได้คุยกันมั้ย?

แพน : หนูคุยกับต้าร์ค่ะ เขาบอกว่าให้หนูพูดความจริงไปค่ะ

ที่มาที่ไป ผมคุยกับต้าร์ เขาอธิบายว่าการที่เขามาด่าคนอีสาน เพราะเขาถูกกลุ่มคนอีสานบางคนไปด่าเขาก่อน เขาเลยโกรธและด่า แต่การด่าไม่ได้ด่าเฉพาะคน พอใช้คำว่าชาวอีสาน มันหมายถึงทั้งประเทศ อันนี้คือหลัก ฝั่งทนายมองยังไง?





ทนาย : เบื้องต้นอยากบอกน้องแพนอย่างนี้ว่าถ้าอยากให้มีความรู้สึกดีๆ ที่มากขึ้น ยังไงเขามองเหมาโหลไปที่สุด ตอนนี้เขามีการแจ้งความดำเนินคดีแล้ว น้องแพนน่าจะเป็นพยานสำคัญ ถ้าน้องแพนบอกว่าในคลับเฮ้าส์พยายามห้ามเขา  ในฐานะเลือดอีสาน น้องต้องให้ความร่วมมือ ที่สภ.ขอนแก่นหรือไปแจ้งที่สภ.อุดรก็ได้ในเบื้องต้น ส่วนการพูดเรื่องแจ้งความ เมื่อวานนี้ อย่างที่บอก ผมถามง่ายๆ อย่างน้องลาล่ามีคนมาบอกน้องลาล่าขายตัว มีผัวมีลูกตั้งแต่อายุ 12 ปี ก็เสียหายแล้ว แต่ทีนี้ความหมายคำว่าบูลลี่ ผมเข้าใจว่าพูดเฉพาะคน แต่นี่ไม่ใช่บูลลี่ นี่โคตรเหง้าศักราช ชัดเจนเลยครับ มันหนักกว่านี้ คนอีสานถือมาก วิถีชีวิตคนอีสาน เขาอยู่บนพื้นฐานได้รับอิทธิพลจากพุทธศาสนา ถ้าไม่มีอะไรเต็มที่จริงๆ คงไม่ออกมาตอบโต้หรือทำอะไร บางคนมองว่าคนอีสานโง่ สยบยอม แต่ถ้ารู้มากๆ คือถ้าไม่เต็มที่จริงๆ เขาไม่ออกมายุ่งกลับกัน ที่กล่าวหาคนอีสานกินหมา 99 เปอร์เซ็นต์ ผมคิดว่าคนในประเทศ 99.99 ที่ไม่เห็นมีใครออกมาเห็นด้วยกับประเด็นที่เกิดขึ้น

พูดง่ายๆ ก่อนว่าเขากินหมา คนพูดต้องเอาหมาออกจากปากซะก่อน?

ลาล่า : ใช่ค่ะ (หัวเราะ)

ทนาย : อีกประเด็นนึงที่บอกเตะปากมันอย่างนั้นอย่างนี้ ต้องบอกว่าเราออกมาทางสื่อ เหตุผลอย่างนึงที่แจ้งความ ไม่อยากให้ลุกลามบานปลาย อย่างน้อยเป็นข้ออ้างว่ามันเข้าสู่กระบวนการเบื้องต้นแล้ว พี่น้องประชาชนคนทั่วไป สิ่งที่เป็นห่วงมากๆ แม้แต่น้องแพน เมื่อกี้นั่งจากดอนเมืองมาแท็กซี่ แท็กซี่บอกว่าให้บอกนะ แท็กซี่มีแต่คนอีสาน เขาไม่ได้พูดเล่น ไม่อยากยุให้เขาดำเนินการใดๆ แต่กลัวจริงๆ สิ่งตรงนั้นถ้าไม่มีมาตรการใดๆ ป้องกัน อาจเกิดขึ้นก็ได้ ขอฝากไว้ด้วยว่าเมื่อมีหมามาเห่า มากัดกัน พวกเราคน พื้นเพคนอีสาน อย่าไปกระโดดกัดกับหมา เพราะไม่งั้นจะไม่ต่างจากหมา

ลาล่าแจ้งความมั้ย?

ลาล่า : ทำค่ะ เพราะหนูกำลังปรึกษา และมาเจอทนาย ถ้าทำยังไงได้ก็จะทำ เพราะมันเป็นความภูมิใจของพ่อแม่เรา

ตร.บอกแตะยาก สาเหตุเนื่องจากเขาด่าโดยไม่ได้ระบุตัวตน เหมือนคนด่ากันในโซเชียลทั่วไป?

ทนาย : ในทางกฎหมายเรื่องหมิ่นประมาทต้องระบุตัวตน แต่กรณี้นี้ไม่ใช่หมิ่นประมาท ข้อกฎหมายเอาง่ายๆ มันก็ไปตามความเป็นจริง มันเขียนชัดว่าเรื่องอะไรที่ไปสร้างความเดือดร้อนเสียหายให้ประชาชน และขัดกับความเรียบร้อยศีลธรรมอันดี มันบิดเบือนข้อเท็จจริง ไม่อยากบอกว่ามันเท็จ แต่ถ้าไปบิดเบือนข้อเท็จจริงไม่ต้องถึงขนาดเท็จ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ก็เข้าแล้ว

ทนายมองว่าคนอีสานสามารถปกป้องชาติพันธุ์ตัวเองโดยไปแจ้งความได้เหมือนกัน?

ทนาย : กฎหมายมันคุมได้ระดับหนึ่ง แต่ปัญหาเรื่องจิตใจมันมากกว่านั้น ต้องช่วยกันออกมาทำมาตรการทางสังคมอย่างนี้ สุดท้ายบางคนบอกว่าไปรับสารภาพก็รอลงอาญา มันก็ได้ระดับหนึ่ง แต่ก็จำเป็นที่จะต้องทำ

ลาล่าได้คุยกับศิลปินคนอื่นที่เป็นคนอีสานมั้ย?

ลาล่า : พอบอกว่าจะมาโหนกระแส ทุกคนทักหมด ไม่ใช่แค่ศิลปินคนอีสาน พี่น้องที่อยู่ต่างประเทศด้วยค่ะ ทุกคนอินบ็อกหาลาล่าบอกว่าสู้ ทำไมเหยียดย่ำหัวใจเขามาก เขาจากบ้านเมืองไปเพื่อสร้างอนาคต มีครอบครัว ส่งเงินทองให้พ่อแม่สบาย ไม่ใช่การอยู่ไกลบ้านไกลเมือง เป็นการที่เขาไปขายตัว อยากได้ผัวฝรั่ง แต่มันคือเหตุที่ทำให้เขาได้ไปอยู่ไกลบ้าน

เขาบอกว่าเขาไม่ตั้งใจด่าคนอีสานทั้งหมด เขาแค่ด่าคนเป็นกลุ่มที่ไปว่าเขาเท่านั้น มองยังไง?

ทนาย : ดูตามข้อความก็คนอีสานทั้งหมดแหละครับ อย่างที่บอกเขาพูดไปถึงพ่อแม่ ในมุมมองผมมันหนักตรงนี้ พ่อแม่โคตรเหง้าชาติพันธ์คนอีสานเขาถือ ตรงนี้พวกผมใช้คำว่าอย่าเพาะเชื้อร้าย ไม่งั้นประเทศเจริญแล้ว สุดท้ายลัทธิเหยียดผิวก็นำไปสู่การจลาจล เผาบ้านเผาเมือง เราไม่อยากให้เป็นแบบนั้น คนไทยยังไม่วิกฤต แต่อย่าเพาะเชื้อร้าย

อยู่ในสายกับ “ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์”  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ “กระทรวงดีเอส” มีนโยบายแก้ไขหรือจัดการยังไง?

ชัยวุฒิ : เป็นปัญหาของการใช้โซเชียลมีเดีย เอาไปใช้แล้วทำให้เกิดปัญหาความแตกแยก ทะเลาะเบาะแว้ง บูลลี่กัน เราตรวจสอบติดตามอยู่แล้วครับ ตอนนี้ขอความร่วมมือเป็นส่วนใหญ่ ให้ระมัดระวังการเผยแพร่ประเด็นที่ทำให้เกิดความเสียหาย สร้างความเดือดร้อน ถ้าถึงขั้นบิดเบือน ข้อความเป็นเท็จ เป็นเฟกนิวส์ก็จะมีโทษ ทำให้ประชาชนเสียหาย ทำให้บ้านเมืองเสียหาย ก็มีโทษแน่นอน อันนี้เราดำเนินคดีแน่นอน ติดตามอยู่ครับ อีกเรื่องที่พยายามทำอยู่คือเรื่องการระบุตัวตนในโซเชียลมีเดียด้วย เพราะวันนี้คนพูดหมิ่นประมาทว่าคนอื่นแล้วไม่รับผิดชอบ ต่อไปต้องรับผิดชอบตามกฎหมายด้วย เราจะออกหลักเกณฑ์ให้ระบุตัวตนชัดเจน ถ้าไปว่าใคร หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ก็จะมีโทษ จำคุก 2 ปีปรับ 2 แสนบาท ก็อยากให้พี่น้องที่ใช้โซเชียลมีเดีย ระมัดระวังด้วย

เรื่องนี้ในมุมท่านเอง จริงๆ ทนายแดงบอกว่าตัวท่านเองสามารถชี้เป้าได้เลย?

ทนาย : ครับ เป็นรัฐมนตรีรับผิดชอบตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ครับ

ชัยวุฒิ : ใช่ครับ ตอนนี้ให้ทีมงานตรวจสอบแล้ว ถ้ามีประเด็นไหนเข้าข่ายผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์จะดำเนินคดี กำลังตรวจสอบอยู่ แต่มีประเด็นเป็นความผิดส่วนบุคคล ไปว่าเขาทำให้เขาถูกดูหมิ่นหรือเสียหาย ถ้าหมิ่นประมาทก็ให้เจ้าทุกข์มาร้องทุกข์กล่าวโทษ จะมี 2 กรณีครับ

กรณีคนอีสานเป็นเจ้าทุกข์?

ชัยวุฒิ: ถ้าโดยภาพรวม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ผมจะรับผิดชอบดำเนินการ จะหาผู้เกี่ยวข้องมาร้องทุกข์ด้วยก็ดี จะได้ดำเนินคดีได้ง่ายขึ้น

ถ้ามีพี่น้องชาวอีสานไปร้องทุกข์จำนวนมาก?

ชัยวุฒิ : ยินดีเลยครับ ถ้าช่วยกันตรวจสอบจะได้เร็วขึ้นว่าเขาพูดอย่างไรบ้าง ผิดอย่างไร เป็นข้อมูลเท็จอย่างไร เสียหายอย่างไร ก็อยากให้มาช่วยกันมาทำงานก็ดีครับ  จริงๆ เป็นห่วงเรื่องการใช้คลับเฮ้าส์ มันทำให้เกิดความแตกแยก โดยเฉพาะประเด็นที่พูดกัน ก็อยากให้คนที่ทำระมัดระวังหน่อย อย่างผมเองเพิ่งกลับมาจากทำงานที่สกลนคร คนอีสานก็น่ารัก มีวัฒนธรรมดีงามมากมาย ไม่น่าเกิดขึ้นในเมืองไทย คนไทยเราน่ารักให้เกียรติกันอยู่แล้วเป็นปกติ

ระหว่างสัมภาษณ์ คลับเฮ้าส์มีการถ่ายทอดไปด้วย มีประมาณ 3 ห้อง บางท่านบอกว่าทำไมไม่เชิญคนรู้เรื่องนี้มาออก กราบขอโทษ ไม่สามารถติดต่อใครได้ ฝากไปถึงคลับเฮ้าส์ด้วย ผมเองพยายามทำให้ถึงที่สุด ส่วนคนที่คิดว่าไม่ตรงเป้า เกาไม่ตรงที่ก็รอสักแป๊บ ให้โอกาสสักนิด วันนี้เอาตัวแทนชาวอีสานมาก่อน เขาเป็นผู้เสียหายโดยตรงในฐานะลูกอีสาน ทนายก็แจ้งความแล้ว?

ทนาย : แจ้งความดำเนินคดีที่สภ.เมืองขอนแก่น เมื่อวาน

ส่วนแพนเป็นคนที่เขาบอกว่าเป็นคนไปเหยียดและรู้จักคนในห้องนี้ดี ส่วนคนในห้องพรรคมังกรฟ้าไม่มีใครกล้ามาหรอก เพราะตอนนี้ถ้าแสดงตัว ถูกตามล่าแน่ คนอีสานเขาไม่พอใจอยู่แล้ว วันนี้หลายคนมองว่าบางทีกฎหมายไม่ถึง แต่กฎอื่นๆ ไม่ใช่กฎแห่งกรรม แต่เป็นกฎแห่งบาทา รออยู่?

ลาล่า : น่าจะออกไปกินข้าวนอกบ้านยากค่ะ เชื่อว่าถ้าพี่หนุ่มเอาเขามาได้ เขาคงไม่มีสิทธิ์ลงไปข้างล่าง

เชื่อว่าเขาไม่มาหรอก?

ทนาย : ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้น คนอีสานชีวิตเขาอิงศาสนา ใครชั่วช้าเลวทรามขนาดไหน แต่ถ้าแสดงท่าทีจริงใจ จริงจัง เช่นไปขอโทษขออภัย ขันธ์ 5 ขันธ์ 8 ธูปเทียน หลายอย่างจะดีขึ้น แต่ถ้าไม่มีทางลงก็ไม่แน่ใจวิถีชีวิตคนกลุ่มนี้จะเป็นยังไง เสียวแทนเหมือนกันอย่างที่ลาล่าว่า

ตอนแรกจะเชิญโดนัทมาด้วย เขาบอกเขารู้เรื่องนี้ แต่ด้วยประเด็นที่ทีมงานประสานทางนี้มาก่อน ขอคุยเป็นชุดๆ โดนัทใจเย็นๆ นะไปว่ากันในห้องคลับเฮ้าส์ ประเด็นถัดมากลุ่มน้องเคยไปเหยียดคนใต้ เรื่องจริงมั้ย?

แพน : จริงค่ะ ถามว่าเหยียดทำไม หนูไม่แน่ใจ เพราะห้องเหยียดๆ ที่ผ่านมาหนูไม่ได้อยู่ค่ะ หนูรู้จากในทวิตเตอร์ค่ะ

เรื่องนี้สามารถไปไล่เบี้ยได้มั้ย?

ทนาย : ถ้าน้องแพนไม่อยากปกป้องเขา ปกป้องคนอีสาน ปกป้องแม่ตัวเอง คนเป็นแม่ที่ทุกข์แล้ว นี่คือพยานสำคัญ พยานปากเอก แต่คิดว่าถ้าเจ้าหน้าที่เอาจริงเอาจัง ผมว่าไม่ได้ยาก เป็นงมเข็มในมหาสมุทรหรอกครับ มันไม่ได้ขนาดนั้น มันตรวจสอบได้หมด คนไปลงทะเบียน ต้องมีอีเมล เลขบัตรประชาชนมีหมด ไม่งั้นเข้าไม่ได้ แม้ใช้ชื่อเล่นชื่อปลอมก็แล้วแต่

คุณเห็นแม่คุณพูดหรือยัง?

แพน : เห็นค่ะ

รู้สึกยังไง?

แพน : อยากให้แม่ฟังก่อนค่ะ หลังเกิดเรื่องได้โทรไปหาแม่ แต่แม่เลือกตัดสาย และไม่ฟังเลย

แม่ไม่คุยด้วยเลย?

แพน : ใช่ค่ะ หลังแม่ไปขอโทษ แล้วแม่ค่อยมาถามเหตุผล เหมือนป้าไปคุยให้ว่าทำไมไม่ฟังที่ลูกพูดค่ะ

ตั้งแต่สัมภาษณ์กันมา สลดมั้ย?

แพน : สลดค่ะ

ทำไมยังหัวเราะ แววตาเหมือนชิล?

แพน : ไม่ค่ะ หนูรู้สึกค่ะ แต่หนูเป็นคนแบบนี้อยู่แล้วค่ะ

ต้องเรียนรู้เรื่องชาติพันธุ์ รากเหง้าชีวิตตัวเอง ใครด่ารากเหง้าเราต้องอธิบายให้ฟังว่าทำไม่ได้อย่าไปสนับสนุน ไม่ควรอยู่ในนั้นด้วยซ้ำ?

ทนาย : น้องแพนเข้าใจมั้ยด่าตัวคนก็เดือดร้อนอยู่แล้ว แล้วไปหาว่าชาติพันธุ์ บรรพบุรุษ พอเข้าใจมั้ยว่าคนอีสานถือ

แพน : เข้าใจค่ะ

ต่อสายหาโดนัท หนึ่งในคนรู้เรื่องเหล่านี้?

โดนัท : รู้พอสมควร แต่รู้ในขอบเขตของคลับเฮ้าส์ครับ อยากบอกว่าเรื่องทะเลาะกัน มองว่าเป็นข้ออ้างครับ การด่าคนอีสานไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นในคลับเฮ้าส์ เกิดขึ้นมาเดือนสองเดือนแล้ว แล้วก็ด่าคนอิสลาม ลามปามไปทั่ว ดาคนเล่นติ๊กต๊อก ติ่งเกาหลี แล้วไประรานห้องอื่นครับ

เรามีข้อมูลเก็บเอาไว้มั้ย?

โดนัท : มีครับ น้องในกลุ่มก็เก็บรวบรวมข้อมูล น่าจะระบุตัวตนจริงๆ ได้ แล้วมีหลายๆ คนส่งข้อมูลมาช่วย

เขาเหยียดคนอิสลาม?

โดนัท : ครับ เขามีเปิดห้องพระสงฆ มีด่าพระว่าไอ้โล้นด้วยครับ เรื่องจริงครับ เขาอาจบอกว่าตัวเขาไม่ได้ทำ แต่เขาเป็นคนในกลุ่ม สมัยก่อน ก่อนเป็นข่าว เรามีมาตรการไม่ให้ค่า ไม่ให้แสง ไม่ให้เข้าไปยุ่ง สิ่งที่พวกเขาต้องการคือให้เราหัวร้อน ปั่นป่วน แตกแยก ถ้าเราไม่เข้าไปฟังก็ไม่หัวร้อน

คนพวกนี้เขาทำเพื่ออะไร?

โดนัท : ผมยังหาข้อสรุปไม่ได้ มองได้หลายอย่าง

แพน : เท่าที่อ่านมา เหมือนทำเพื่อให้คนหัวร้อนตามที่โดนัทบอกค่ะ แต่หนูไม่เคยไปถาม

เขาอยากดังเหรอ?

แพน : ไม่แน่ใจค่ะ ไม่เคยไปถามว่าทำเพื่ออะไร แต่หนูก็ห้ามตลอด กับคุณบุญค่ะ

ถ้าเขาอยากดัง เขาทำสำเร็จ แต่สำเร็จบนความช้ำใจของคนอีสาน คนอิสลามอีก สิ่งที่เขาทำมันแย่มากนะ คิดว่าจะทำยังไงต่อไป?

โดนัท : จริงๆ ผมก็รวบรวมคนทำอย่างเดียว ส่วนผู้เสียหาย จริงๆ เป็นคนที่เสียหายทางจิตใจซะมากกว่า อย่างพี่ก็ยังรู้สึกหงุดหงิด ว่าทำไมต้องมาด่า

พี่หงุดหงิดมั้ยเหรอ พี่ด้านชา โดนมาเยอะ เลยไม่รู้สึกอะไร อยากด่าก็ด่าไป แต่ภาษาพี่ อย่าเข้าทางกูแล้วกัน แค่นั้นแหละ คนเราวันนึงมีพลาด แต่อย่าพลาดมาแล้วกัน พี่ไม่แค้น แต่พี่จำ เดี๋ยวเชิญมาคุยกัน?

โดนัท : ได้ครับ วันนี้ยังไม่ได้ทำการบ้าน อาจพูดติดๆ ขัดๆ ก็ขอโทษด้วยครับ

เราต้องเป็นหัวหอกแล้วนะ กลัวมีปัญหากับเขามั้ย?

แพน : ไม่ค่ะ









ขอบคุณแหล่งที่มา:​ sanook.com


วันที่ 7 พ.ย.64 ผู้สื่อข่าวได้รับร้องเรียนจาก นางกนกพร มีแก้ว อายุ 50  ปี ว่าได้รับความเดือดร้อนรำคาญจากเพื่อนบ้าน มาเป็นเวลาเกือบ 2 ปี โดยเพื่อนบ้าน ทราบชื่อคือ นายเก๋ (สงวนนามสกุล) อายุ 41 ปี ชอบขี่รถจักรยานยนต์ ผ่านหน้าบ้านของผู้เสียหาย จะต้องมีการบีบแตรทุกครั้งอย่างเสียงดัง ไม่ว่าจะผ่านหน้าบ้านทั้งตอนกลางวันและตอนกลางคืน ส่งผลต่อสุขภาพของ นางสว่าง ต่อเนื่อง อายุ 85 ปี มารดาที่ป่วยเป็นโรคหัวใจ เบาหวาน ความดันสูง ซึ่งเคยมีการพูดคุยกันแล้วแต่ไม่เป็นผล

ล่าสุดเมื่อวันที่ 6 พ.ย. 64 เวลาประมาณ 13.00 น. นางสว่าง วัย 85 ปี ผู้เสียหาย ได้เดินไปซื้อของที่ร้านค้าของ นางเลี่ยม (สงวนนามสกุล) อายุ 73 ปี มารดาของนายเก๋ คู่กรณี ซึ่งไม่ห่างจากบ้านของตนเอง นายเก๋ได้มีการต่อว่านางสว่าง ซ้ำยังตามมาตะโกนด่าเสียงดังถึงหน้าบ้าน ด่าทอว่าว่าเกลียดชัง จนนางกนกพร ผู้เป็นลูกสาวทนไม่ไหว ไปแจ้งความที่ สภ.รัตนาธิเบศร์ ไว้เป็นหลักฐาน เมื่อวันที่ 6 พ.ย.64   







ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านเกิดเหตุ ภายในซอยวัดชมภูเวก ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.นนทบุรี เพื่อพูดคุยกับ นางกนกพร และนางสว่าง สองแม่ลูกผู้เสียหาย พบว่าบ้านของผู้เสียหาย เป็นบ้านเดี่ยวชั้นเดียว โดยหน้าบ้านมีถนนเป็นซอยแคบ กว้างประมาณ 1.20 เมตร รถ จักรยานยนต์ผ่านได้ ภายในซอยมีบ้านเรือนประชาชนตั้งอยู่อีกประมาณ 5 หลัง โดยบ้านของนายเก๋ คู่กรณี ตั้งอยู่ท้ายซอย ซึ่งเวลาจะออกจากบ้านต้องขี่รถจักรยานยนต์ผ่านหน้าบ้านของผู้เสียหาย ซึ่งห้องนอนของผู้เสียหายอยู่ติดกับทางรถผ่าน   


จากการนางสว่าง อายุ 85 ปี มารดาของผู้เสียหาย เล่าทั้งน้ำตาว่า ล่าสุดเมื่อวานที่ตนเดินไปร้านแม่เขา ไปซื้อของ กลับถูกต่อว่า ตะโกนด่าทอเสียงดัง ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าไปทำอะไรให้ รู้สึกตกใจมากหัวใจเต้นแรง เสียใจไม่รู้ว่าไปทำอะไรให้เขา ก่อนหน้านี้ก็มีเรื่องการขี่รถจักรยานยนต์ผ่านบีบแตรเสียงดังตลอดนานเป็นปีๆ ทุกครั้งที่ขับผ่านบีบแตรตนก็จะตกใจ ใจหาย ปวดหัว สะดุ้งทุกครั้ง ตนมาอยู่ตรงนี้แล้ว จะให้ทำอะไรได้ ลูกชายตนก็กลัวเขา เพราะเขาเป็นนักเลง ไม่มีใครทำอะไรเขาได้ ตนอยากขอร้องให้เขาทำนิสัยใหม่ ให้ตำรวจตักเตือน อย่ามาทำความประพฤติแบบนี้เลย ตนก็อยากถามเขานะว่าตนไปทำอะไรให้ โกรธตนเรื่องอะไร    



นางกนกพร มีแก้ว อายุ 50  ปี ผู้เสียหาย กล่าวว่า ตนมาซื้อบ้านหลังนี้หลังจากน้ำท่วมปี 54 พาลูกสาวและแม่มาอยู่ด้วย เมื่อวานนี้คือหนักสุด ทนไม่ไหวเข้าแจ้งความที่ สภ.รัตนาธิเบศร์ เพราะสาเหตุที่เขาตะโกนด่าว่าแม่เรา ตอนที่เกิดเหตุตนก็ไม่ทราบว่าเรื่องอะไร พอดูกล้องวงจรปิดถึงทราบเรื่อง แม่ตนเดินไปซื้อกาแฟที่ร้านแม่เขา ก็ถูกลูกชายเขาตะโกนด่า แม่ตนต้องเจอเรื่องการขี่รถจักรยานยนต์ผ่านบีบแตรใส่ทุกวันมาเป็นเวลา 2-3 ปี ตนก็อดทน ไม่อยากมีเรื่อง เมื่อก่อนขับเข้าออกวันละ 10 กว่าครั้ง บีบทุกครั้ง จนตนต้องไปคุยกับแม่เขาให้ช่วยคุยให้ ก็ลดลงมาเหลือ 2-3 ครั้งต่อวัน เพราะพูดกับเขาไม่ได้ จะโวยวายใส่เสมอ ตนต้องอดทนเพราะไม่อยากมีเรื่องกับเขา ตนพูดจาด้วยคำสุภาพตลอด  แต่เขาทำพฤติกรรมแบบนี้มาตลอดจนทนไม่ไหว






เวลาเช้ามืดขับผ่านก็บีบแตร ตนนอนอยู่ที่ห้องก็สะดุ้งตื่น คิดดูว่าแม่อายุ 85 ปี คนแก่ขนาดนี้จะเป็นอย่างไร ตนไม่ทราบว่าสาเหตุเกิดมาจากเรื่องอะไร ก็อยากทราบเหมือนกัน เพราะก่อนหน้าที่เราจะมาอยู่ คู่กรณีเขาเช่าบริเวณหน้าบ้านนี้ไว้ขายของ แต่หลังจากตนมาซื้อบ้าน ก็ไม่ได้ใก้เขาเช่าต่อ ก็ไม่รู้ว่าไม่พอใจเรื่องนี้หรือไม่   


นาง กนกพร กล่าวต่อว่า ครั้งนี้ตนทนไม่ไหวแล้ว ความอดทนคนมีจำกัดถึงได้ไปแจ้งความ ปกติแม่อยู่บ้านคนเดียว ถ้าเป็นอะไรขึ้นมาจะทำยังไง ถ้าต้องเจอแบบนี้แล้วหัวใจวายไป ซึ่งปกติทุกวันแม่จะออกมานั่งเล่นหน้าบ้านตามประสาคนแก่ เดินออกกำลังกายบ้าง ส่วนเขาก็ขี่รถเข้า-ออกและบีบแตรแบบนี้ เป็นห่วงแม่มาก เพราะแม่ไม่สบายหลายโรค ถ้าตำรวจเรียกไปคุย ตนก็จะคุย อยากรู้ว่าทำไปเพื่ออะไร ถ้าคุยแล้วให้จบอย่ามาทำแบบนี้อีก   






ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินเข้าไปที่บ้านคู่กรณีซึ่งห่างไปประมาณ 2-3 หลัง พบ นายเก๋ (สงวนนามสกุล) อายุ 41 ปี และนางเลี่ยม (สงวนนามสกุล) อายุ 73 ปี มารดาจึงได้ สอบถามถึงกรณีดังกล่าว ทราบว่า เหตุที่เกิดเมื่อวานเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยมีเรื่องทะเลาะอะไรกัน ส่วนเรื่องบีบแตรตนก็บีบแค่ 2 ครั้งตอนเข้า-ออก เพราะว่าจะมีรถผ่านตรงจุดนี้ ต่อจากนี้ไปก็จะไม่บีบแล้วเพราะแม่ตนมาขอร้องว่าไม่ให้บีบ ต่างคนต่างอยู่ไปให้เรื่องมันจบ รับปากว่าจะไม่บีบอีก    


ด้านนางเลี่ยม กล่าวว่า เรื่อเมื่อวานก็ไม่ได้ทะเลาะกัน ยายเขาเดินมาซื้อกาแฟที่ร้าน ลูกตนก็กำลังจะขี่รถออกไปข้างนอก ก็พูดว่าเขามาวุ่นวาย แต่พูดเสียงดัง ตนก็ได้บอกลูกไปแล่วว่าเราเป็นร้านค้าและก็เตือนลูกไปแล้วเรื่องบีบแตรว่าอย่าบีบอีก เบื้องต้นผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.รัตนาธิ้บศร์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเรียกทั้งสองฝ่ายเข้ามาเจรจาไกล่เกลี่ย ทำข้อตกลงอีกครั้ง










ขอบคุณแหล่งที่มา:​ sanook.com

Blog Archive

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

Recent Comments

Formulir Kontak

ชื่อ

อีเมล *

ข้อความ *

recent posts

flickr photos

About us

recent posts

?ิ??ี่?ี่ ????????์

Random Posts

ข่าวยอดฮิด

Follow on twitter

Follow on Fanpage

Follow Me

Recent Posts

Flag Counter

Recent Posts

Text Widget