3/8/66

 

5 ข้อต้องมี ถ้าอยากรวยดัง ปังกว่าใคร

ทำยังไงถึงจะรวย ? คำถามที่คนยังไม่รวยมักถามกันบ่อย ๆ แต่สุดท้ายนอ กจากจะไม่ได้คำตอบแล้ว ยังไม่รวยขึ้นอีกต่างหาก

เหตุที่ไม่รวยสักที ส่วนใหญ่เพราะไปผิดทาง ยึดติดกับความคิดและการใช้ชีวิตแบบคนธรรมดา ซึ่งยังไงก็ยากที่จะรวย

เพราะคนรวยมักมีวิธีคิดและการใช้ชีวิตที่แตกต่าง และนี่คือ 5 ข้อที่คนรวยมี แต่คนธรรมดากลับมองข้าม

1. Mindset ว่าฉันต้องรวย

Mindset หรือทัศนคติเป็นเรื่องสำคัญ ถ้าอยากรวยก็ต้องมีทัศนคติที่ว่าฉันต้องรวย ไม่ใช่อยากรวย แต่คิดไปต่าง ๆ นานาว่าไม่มีทางรวยได้






ต้นทุนน้อย บ้านจน ไม่เก่ง โชคไม่ดี สิ่งเหล่านี้เป็นข้ออ้างที่ทำให้ต่อไปอีกร้อยปี ร้อยชาติก็ไม่รวยสักที

สิ่งหนึ่งที่คนรวย คนที่ประสบความสำเร็จแตกต่างจากคนธรรมดาก็คือ Mindset พวกเขามีวิธีคิดที่แตกต่างจากคนธรรมดาอย่างสิ้นเชิง

คนรวยทุกคนบนโลกนี้แทบจะไม่ทำงาน ไม่ออมเงินกันแล้ว สิ่งที่พวกเขาทำก็คือ การลงทุนควบคู่ไปกับการทำธุรกิจ เพราะสองสิ่งนี้ต่างหากที่ทำให้รวย

ดังนั้น Mindset เป็นเรื่องสำคัญ จะรวยได้ ต้องมีความคิดที่จะรวยให้ได้ก่อน แล้วหาทุกวิถีทางที่จะทำให้รวย การมีแต่ข้ออ้างส า รพัดยังไงก็ไม่ทำให้รวยได้

2. โฟกัสการทำธุรกิจ

ร้อยทั้งร้อยของคนรวยไม่ใช่มนุษย์เงินเดือน เพราะการทำงานไม่ได้ทำให้รวย การทำงานจะมีเพดานของเวลา และเพดานของรายได้





ในขณะที่การทำธุรกิจไม่มีเพดานเหล่านี้ ยิ่งธุรกิจมาก ๆ ขายได้มาก ๆ ก็ยิ่งรวย แต่การทำงานแม้จะทำมากเท่าไหร่ เงินเดือนก็ไม่ได้มากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นคนจะรวยจึงต้องโฟกัสที่ทำธุรกิจ

อย่างไรก็ตาม ธุรกิจอะไรก็เป็นเรื่องสำคัญ บางธุรกิจทำแทบต า ยก็ไม่รวยสักที ขณะที่บางธุรกิจลงทุน ลงแรงไปไม่ต้องมาก แต่กลับได้ผลตอบแทนที่เป็นกอบเป็นกำ ดังนั้นแม้จะมีโฟกัสอยู่ที่ธุรกิจแล้ว ก็ต้องดูด้วยว่าธุรกิจนั้นคืออะไร


3. เรียนรู้และพัฒนาตัวเองตลอดเวลา

สิ่งสำคัญที่ทำให้รู้ว่าจะทำธุรกิจอะไร เมื่อไหร่ หรือแม้จะทำยังไงให้ธุรกิจเจริญเติบโต สร้างรายได้และทำให้มั่งคั่งร่ำรวยก็คือ การเรียนรู้และพัฒนาตัวเองตลอดเวลา

ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นและขาดไม่ได้ และคนรวย คนที่ประสบความสำเร็จทุกคนบนโลกนี้ไม่เคยหยุดที่จะพัฒนาตัวเอง





‘วอร์เรน บัฟเฟตต์’ นักลงทุน นักธุรกิจ อ่านหนังสือวันละ 500 หน้าเพื่อพัฒนาตัวเองตั้งแต่อายุ 11 ปี จนตอนนี้เขาอายุกว่า 90 ปีแล้ว

ก็ยังอ่านหนังสือ 500 หน้าเหมือนเดิม และวลีเด็ดของลุงบัฟเฟตต์ที่หลายคนจำไม่ลืมเลยก็คือ “การลงทุนที่ดีที่สุด คือ การลงทุนกับตัวเอง”

เพราะฉะนั้นคนอยากรวยจะหยุดเรียนรู้ไม่ได้ โลกยุคนี้การหยุดก็คือ การก้าวถอยหลัง ถ้าอยากประสบความสำเร็จ อยากรวยให้เร็ว ยิ่งต้องเพิ่มความรู้และพัฒนาตัวเองตลอดเวลา


4. ปัญหาคือโอ กาส


จะมีสักกี่คนที่เจอปัญหาแล้ววิ่งเข้าใส่ คนรวยส่วนใหญ่เป็นหนึ่งในนั้น เพราะพวกเขามักจะไม่ค่อยหนีปัญหา ว่ากันว่ายิ่งแก้ปัญหาที่ใหญ่มากเท่าไหร่

รายได้ก็ยิ่งเยอะมากเท่านั้น ปัญหาคือโอ กาสในการสร้างรายได้ บ่อเกิดของความรวย การแก้ปัญหาคือ การหาโอ กาสทางธุรกิจ





เพราะฉะนั้นตอนนี้ถ้ายังไม่รวย แต่พบเจอ กับปัญหา อุปสรรคมากมายเหลือเกิน ก็ถือเสียว่าเป็นการฝึกฝนตัวเอง ยิ่งปัญหาเยอะ ปัญหาใหญ่

ยิ่งเป็นการฝึกตัวเองให้รู้จักแก้ไขปัญหา ทีนี้ในอนาคตไม่ว่าปัญหารูปแบบไหน ใหญ่แค่ไหน ก็พร้อมที่จะแก้ไขและหาโอ กาสให้ตัวเองได้เสมอ

5. รู้คุณค่าของเวลา

ทุกคน มีเวลา 24 ชั่วโมงในหนึ่งวันเท่ากัน แต่เวลาของคนรวยกับเวลาของคนธรรมดามักจะแตกต่างกันเสมอ เวลาของคนรวยคือของมีค่า

ทุก ๆ นาทีสามารถสร้างรายได้ เพิ่มผลตอบแทนได้ทั้งนั้น ขณะที่เวลาของคนธรรมดาคือตัวเลขบนนาฬิกา และบางครั้งก็ปล่อยเวลาให้สูญเปล่าไปได้แบบง่าย ๆ

การรู้คุณค่าของเวลาคือหนึ่งในเคล็ดลับของคนรวยและคนที่ประสบความสำเร็จ เพราะต่อให้รวยแค่ไหน มีเงิน มากแค่ไหนก็ไม่มีใครซื้อเวลาให้เพิ่มมากกว่า 24 ชั่วโมงในหนึ่งวัน

ดังนั้นพวกเขาจึงรู้และเข้าใจคุณค่าของเวลา และจะไม่ยอมเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ สำหรับคนรวยแล้ว เวลามีค่ามากกว่าเงิน ถ้าเป็นไปได้พวกเขายอมจ่ายเงินเพื่อซื้อเวลาให้มากขึ้นด้วยซ้ำ

รู้แบบนี้แล้ว ก็รู้ไว้ด้วยว่าการเป็นคนรวยไม่ได้ยากขนาดนั้น แค่ต้องคิดและทำแบบที่คนรวยเค้าทำกัน การใช้ชีวิตแบบเดิม คิดแบบเดิม ย่อมได้ผลที่เหมือนเดิม เพราะฉะนั้นถ้าอยากรวย จงรีบเปลี่ยแปลงตัวเองซะ!








ที่มา:thatlikegood.com

 

หย่าร้างอย่างไรไม่ทำร้ า ยลูก?

การใช้ชีวิตคู่ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเป็นเรื่องของคน 2 คนที่จะนิยามว่าควรจะต้องมีองค์ประกอบอะไรบ้าง และการใช้ชีวิตคู่ก็ไม่ได้มีสูตรสำเร็จว่าจะต้องทำอย่างไรจึงจะครองรักครองเรือนกันได้นาน

หรือวิธีของใครได้ผลกว่ากัน เพราะเงื่อนไขของชีวิตแต่ละคนไม่เหมือนกัน การประคับประคองให้ชีวิตคู่มีความสุขประเภทถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชรไม่ใช่เรื่องที่สามารถลอ กเลียนแบบวิธีการกันได้





แนวโน้มโครงสร้างและรูปแบบของครอบครัวไทยเปลี่ยนไปตามสภาพสังคมที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว มีความสลับซับซ้อนและเงื่อนไขของชีวิตเพิ่มมากขึ้น และตัวเลขของการหย่าร้างก็มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นด้วย

แล้วถ้ากรณีที่หย่าร้างแต่มีลูกด้วยกันล่ะ ?

เรื่องทรัพย์สินที่ต้องมีการแบ่งแยกสินสมรส หรือเรื่องส่งเสียค่าเลี้ยงดูบุตร อาจจะจัดการได้ไม่ยากเพราะมีตัวบทกฎห ม ายเป็นกรอบกำหนด

แต่เรื่องการเลี้ยงดูลูก ทั้งทางด้านร่างกายและจิ ตใจต่างหากที่ไม่มีเทคนิคหรือสูตรสำเร็จต า ยตัวในการเลี้ยงดู เพื่อให้เขาสามารถอยู่ได้โดยไม่ได้รับผลกระทบทางใจ และสามารถมีความสุขกับการใช้ชีวิตต่อไปในอนาคต

แล้วสิ่งใดบ้างที่ผู้เป็นพ่อแม่ควรคำนึง ?

พ่อแม่ต้องตกลงเรื่องลูกร่วมกัน

การตกลงว่าลูกควรจะอยู่กับใครต้องคำนึงถึงความเป็นจริง ความพร้อม และองค์ประกอบของคำว่า “ลูกของเรา” ไม่ใช่ลูกของฉัน หรือลูกของเธอ





และควรจะให้อีกฝ่ายหนึ่งสามารถมาเยี่ยมเยียนลูก หรือสามารถรับลูกไปอยู่ด้วยได้มากน้อยแค่ไหน พ่อแม่ควรทำให้ลูกรู้สึกว่าทั้งพ่อและแม่ยังรักและห่วงใยลูกอยู่เสมอ

และสามารถไปมาหาสู่ หรืออยู่กับพ่อหรือแม่เมื่อไหร่ก็ได้ แม้ชีวิตส่วนใหญ่ลูกอาจต้องอยู่กับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก็ตาม

ที่สำคัญพยายามรักษาคำพูด และข้อตกลงที่มีต่อ กัน มิเช่นนั้น ลูกจะเกิดความสับสน และไม่มั่นใจว่าพ่อแม่รักเขาจริงหรือเปล่า และเขาไม่ใช่ส่วนเกินของพ่อแม่

ถ้าลูกอยู่ในช่วงวัยเด็กเล็ก ลูกยังขาดความเข้าใจในการรับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จึงเป็นเรื่องที่คนเป็นพ่อแม่ต้องตระหนักถึงเรื่องนี้ด้วย และต้องมีส่วนต่อ การรับผิดชอบร่วมกัน

แต่ถ้าลูกโตพอจะเข้าใจเหตุผลได้แล้ว ก็อธิบายให้ลูกฟังได้ ไม่ต้องกลัวว่าเขาจะไม่เข้าใจ เขาโตพอที่จะรับรู้เรื่องราวและซึมซับอารมณ์ความรู้สึกของแม่หรือพ่อได้

วางแผนอนาคตลูกร่วมกัน

เรื่องวางแผนชีวิตลูกไม่ควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเพียงลำพัง แต่ควรจะวางแผนร่วมกัน การจากกันด้วยดี ก็จะทำให้การวางแผนอนาคตของลูกเป็นไปได้ด้วยดี





นอ กจากเรื่องลูกจะอยู่กับใคร ก็ต้องวางแผนว่าลูกจะเรียนหนังสือที่ไหน ใครมีหน้าที่อะไร และใครจะส่งเสียค่าใช้จ่ายเรื่องลูก ฯลฯ

ถ้าเป็นไปได้คุณควรพูดคุยกับอดีตคู่ชีวิตของคุณแบบตรงไปตรงมาว่าจะวางแผนเรื่องลูกอย่างไร อย่าคิดเด็ดขาดว่าฉันเข้มแข็งสามารถหาเลี้ยงลูกได้ เธอไม่ต้องมายุ่ง เพราะเรื่องลูกเป็นเรื่องของทั้งพ่อและแม่

การรับผิดชอบร่วมกันเป็นเรื่องจำเป็น แต่ที่ผ่าน มาผ ญ.บ้านเรามักชอบคิดว่าลูกของฉันสามารถเลี้ยงดูได้ แต่แท้ที่จริงแล้วการที่ผ ญ.คิดเช่นนี้ ก็เป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมให้ผ ช.ไร้ความรับผิดชอบมากขึ้นเรื่อย ๆ นั่นเอง

อย่าใส่ความเกลียดชังให้ลูก

ข้อนี้สำคัญมาก ลูกไม่ได้รับรู้เรื่องราวของคนเป็นพ่อแม่ ลูกจะมีภาพจำของพ่อและแม่ในแบบของเขา อย่าพยายามใส่ความคิดความขัดแย้ง หรือ การทະ เลาະเบาะแว้งในฉันท์สามีภรรยาไปใส่ให้กับลูก





เพราะอย่างไรเขาก็เป็นแม่หรือพ่อลูกกัน ซึ่งเท่ากับเป็นการสอนให้ลูกได้เรียนรู้พฤติกรรมของความรับผิดชอบต่อหน้าที่และบทบาทของความเป็นพ่อแม่ด้วย

ที่สำคัญไม่ควรพูดจาให้ร้ า ยอีกฝ่ายหนึ่ง หรือพูดเรื่องไม่ดีของอีกฝ่ายหนึ่งให้ลูกฟัง การต่อว่าอดีตคู่ชีวิตของเรา ซึ่งก็คือ พ่อหรือแม่ของลูกเรา

ไม่เป็นผลดีต่อใครทั้งสิ้น บางคนเข้าใจผิดคิดว่า ถ้าได้ต่อว่าอีกฝ่ายหนึ่งมากเท่าไหร่ ลูกจะรักตัวเองมากขึ้น เป็นความเข้าใจที่ผิด

จริงอยู่ว่าหลังจากเพิ่งหย่าร้างได้ไม่นาน อารมณ์ยังไม่ปกติ หรือยังโกรธอีกฝ่ายหนึ่งอยู่ ก็ขอเวลาลูกเพื่อให้ตัวเองได้ทำใจสักระยะนึ่ง ก่อนที่จะเล่าให้ลูกฟัง เพื่อให้อารมณ์และสติอยู่ในภาวะที่เห ม าะสม จึงเล่าให้ลูกฟัง

อย่าลืมว่าก่อนจะตัดสินใจร่วมชีวิตกับอีกฝ่ายหนึ่ง ก็มีช่วงเวลาของความรัก ช่วงเวลาของความรู้สึกดีต่อ กัน ก็ควรจะนึกถึงและเก็บความรู้สึกเหล่านี้อยู่บ้าง

อาจเล่าเรื่องราวให้ลูกฟังด้วยก็ได้ เพื่อให้ลูกได้เรียนรู้ด้วยว่า บางครั้ง การใช้ชีวิตคู่ก็มีปัญหาเช่นกัน และต้องมีองค์ประกอบหลายอย่าง

ถ้าเราใส่แต่ข้อมูลที่ไม่ดีอย่างเดียว ลูกก็จะอาจจะซึมซับกลายเป็นคนไม่อยากมีชีวิตคู่ หรือ กลัวการมีชีวิตคู่ไปเลยก็ได้





หรือบางเรื่องเขาก็ต้องการความเข้าใจจากพ่อแม่มากกว่าปกติ ก็ต้องเต็มใจรับฟัง โดยเฉพาะในช่วงแรกของการแยกทางของพ่อแม่ ลูกอาจมีพฤติกรรมที่ไม่เห ม าะสม หรือต่อต้านพ่อแม่ จึงจำเป็นอย่างมากที่พ่อแม่ต้อง

แสดงออ กถึงความรัก และความเข้าใจลูก

ต้องยืนหยัดให้ได้ในเร็ววัน เพราะพฤติกรรมและอารมณ์ของแม่หรือพ่อส่งผลโดยตรงต่อลูก ลูกสามารถซึมซับรับรู้ได้ว่าแม่หรือพ่อรู้สึกอย่างไร

ต้องพยายามปรับอารมณ์และพฤติกรรมของตนเองให้ได้ก่อน เพราะความเครียดของคุณก็อาจไปลงที่ตัวลูกได้ อย่าท้อแท้หรือหมดหวังต่อหน้าลูก เพราะจะทำให้ลูกสูญเสียความมั่นใจและมั่นคง

สร้างความมั่นใจให้ลูก

การมอบความรักความอบอุ่นให้กับลูกเป็นเรื่องจำเป็น บอ กเขาว่าคุณสามารถเป็นทั้งพ่อและแม่ที่ดีได้ในคนเดียวกัน และคุณพร้อมที่จะรับฟังเขาในทุกๆ เรื่อง

ในช่วงแรก ลูกอาจต้องการเวลาจากคุณมากกว่าปกติ เพราะเขากลัวสูญเสียคนที่เขารักไปอีก ต้องมีช่วงเวลาของการปรับตัว ความใกล้ชิด และการให้เวลากับลูกจะช่วยผ่อนคลายความวิตกกังวลของลูกได้เป็นอย่างดี





เมื่อลูกเติบโตขึ้น มาในครอบครัวที่หย่าร้าง แต่เขาสัมผัสได้ถึงความรักความอบอุ่น และความเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เขาจะสามารถยอมรับความเป็นจริง ขณะเดียวกัน เขาก็จะเรียนรู้

และสัมผัสได้ถึงความรักของพ่อและแม่ที่มีให้เขาเสมอ แม้จะต้องเลี้ยงดูเขาตามลำพัง

อย่าลืมว่า ลูกไม่ได้มีส่วนต่อ การตัดสินใจแยกทางของพ่อแม่ ในเมื่อคุณไม่สามารถอยู่กันได้แบบคนรัก แต่ก็ขอให้หันหน้าเข้าหากันในฐานะของคนเป็นพ่อแม่



ที่มา:thatlikegood.com

Blog Archive

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

Recent Comments

Formulir Kontak

ชื่อ

อีเมล *

ข้อความ *

recent posts

flickr photos

About us

recent posts

?ิ??ี่?ี่ ????????์

Random Posts

ข่าวยอดฮิด

Follow on twitter

Follow on Fanpage

Follow Me

Recent Posts

Flag Counter

Recent Posts

Text Widget