29/7/62










1 ความดีเป็นศัตรูของชีวิต ความดีต้องมีอุปสรรค

เขามา ร้ าย อย่าร้ ายตอบ เขาไม่ดีมา จงใช้ความดีเข้าไปแก้ไข

คนตระหนี่ ให้ของที่ต้องใจ คนพูดเหลวไหล เ อาความจริงใจ ไปสนทนา

2 จงอย่าหวั่นไหว จงทำใจให้ได้เมื่อมีทุ กข์

คนที่ทำใจได้เพราะมีสติควบคุมใจได้ ถ้าผู้ใดเจริญสติวิปัสสนากรร มฐาน

จิตมั่นคง ต้องช่วยตัวเองได้ ทำใจได้ จะไม่เ สี ยใจ ไม่น้อยใจต่อบุคคลใด

คนทำใจได้นั่นแหละ จะได้รับผลดี มีสติเป็นอาวุธของตนตลอดไป

3 คนโบราณท่านมีคติดี เวลาไปไหนมาไหนต้อง

1 นิ่งได้ 2 ทนได้ 3 รอได้ 4 ช้าได้ 5 ดีได้

คนสมัยนี้นิ่งไม่ได้ ปากไม่ดี ทนไม่ได้ อยู่ไม่ได้อีก

รอก็ไม่ได้ ช้าก็ไม่ได้ จึงเอ าดีกันไม่ค่อยจะได้

ในยุคสมัยใหม่ปัจจุบันนี้ สิ่งเหล่านี้มีความหมายมาก แต่ทุกคนไม่เคยคิด







4 ใครตั้งใจ ทำดี อย่าไปกังวลเรื่อง ปากคน เพราะต่อให้เรา ดี

ขนาดไหน หากไม่ถูก กิเลส เขา เขาก็ไม่ชอบ ไม่เข้าใจ

เขาก็ตำหนิ ดังนั้น ดี-ชั่ ว ไม่ได้อยู่ที่เขาว่าเรา

แต่อยู่ที่เราเองทั้งหมด เรารู้เราเองก็เพียงพอแล้ว

5 ชาวพุทธแท้ๆ ควรจะได้ดีมีสุขจากการนับถือศาสนาพุทธ

โดยแก้ปัญหาที่เกิดด้วยอริยสัจ 4

ทุ กข์เกิดแล้วหาสาเหตุของทุ กข์ด้วยการกำหนดทุ กข์หนอ

มันทุ กข์ตรงไหนหนอ บำเพ็ญจิตภาวนา สมาธิ ปัญญา

จะบอกทุ กข์เกิดขึ้นตรงนั้น ต้องแก้ตรงนั้น อย่าไปแก้ผิ ดจุด

อย่าไปให้ผีให้เจ้ามาแก้ หรือเ อาหมอดูมาแก้ มันไม่ถูกเรื่อง

6 ความอดทนเป็นสมบัติของนักต่อสู้ ความรู้เป็นสมบัติของนักปราชญ์

ความสามา รถเป็นของนักประกอบกิจ

ความสามา รถทุกชนิดเป็นสมบัติของผู้ดี







7 วันไหนโยมถูกด่ ามากวันนั้นเป็นมงคล

วันไหนโดยถูกป้อยอเขาจะล้วงไส้เราโดยไม่รู้ตัว

หลงเชื่อเราจะประมาท จะเ สี ยท่าเ สี ยทีต่อม ารร้ าย

และที่เขามาป้อยอกับเรา ระวังให้ดี เขาไม่ได้รักเราจริง

8 สร้างบุญใช้สติ ไม่ต้องใช้สตางค์

พวกเราหาแต่สตางค์ ไม่หาสติกันเลย

9 คนเราจะทำอะไรได้ก็ช่วงมีชีวิตอยู่เท่านั้นเมื่อต ายแล้ว

ไม่สาม ารถจะทำความดีหรือความชั่ วได้เลยฉะนั้นในช่วงที่

มีชีวิตอยู่ควรที่จะทำความดีใช้ชีวิตให้เป็นสา ระ

จะต้องต่อสู้กับความไม่ดีงามทั้งหลายที่มีอยู่รอบตัวเรา

10 จงพอใจในชีวิตของตัวเอง

โดยมิต้องไปเปรียบเทียบชีวิตของผู้อื่น

ข้อความสุดท้ายใน ส.ค.ส.2559 ที่หลวงพ่อจรัญ

เขียนไว้ก่อนละสังขาร แม้วันนี้หลวงพ่อจรัญจะละสังขารไปแล้ว

แต่ทุกคำสอนของท่านยังมีคุณค่าและเป็นจริงเสมอ












ขอบคุณแหล่งที่มา: http://www.chit-in.com

27/7/62









เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 26 ก.ค. 62  ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า ที่วัดบ้านหนองจิก หมู่ 2  ต.ภูฝ้าย อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ   นายเสาร์   คุ้มครอง  ซึ่งเป็นลูกชายและเป็นลูกศิษย์เอกของหลวงปู่แสน   ปสันโน พระเกจิอาจารย์ชื่อดังของ จ.ศรีสะเกษ และภาคอีสาน  เปิดเผยว่า  หลวงปู่แสน  ปสันโน เทพเจ้าแห่งเขาภูฝ้าย พระอริยสงฆ์ 6 แผ่นดิน ท่านได้ละสังขารอย่างสงบแล้ว เมื่อเวลา 22.24 น.ของคืนวันที่ 25 ก.ค. 62  ที่กุฏิภายในวัดบ้านหนองจิก  โดยมีลูกหลาน ญาติพี่น้องลูกศิษย์ ที่มาคอยเฝ้าดูแลอาการของหลวงปู่ด้วยความห่วงใยจำนวนมาก

โดยก่อนหน้านี้ หลวงปู่แสนมีอาการป่วยด้วยโรคมะเร็งต่อมลูกหมากระยะที่ 2 และป่วยด้วยโรคหัวใจ กระเพาะลำไส้ ปอดติดเชื้อ ตนพร้อมด้วยญาติพี่น้องและคณะศิษย์ได้นำหลวงปู่ไปเข้ารับการรักษาพยาบาลที่ รพ.กันทรลักษ์ และ รพ.ศรีสะเกษมาอย่างต่อเนื่องหลายเดือนแล้ว  ล่าสุดพักรักษาตัวอยู่ที่ตึกสงฆ์อาพาธ  รพ.ศรีสะเกษ ซึ่งแพทย์พยาบาลได้ให้การรักษาพยาบาลอย่างเต็มที่ โดยแพทย์ต้องทำการดูดเสลดที่เหนียวออกมา แต่ดูดได้น้อยมาก  และไม่สามารถดูดเสลดออกมาได้  เนื่องจากว่า หลวงปู่อายุมากแล้วและร่างกายอ่อนเพลียอย่างหนัก และเมื่อเวลา 15.00 น.ของวันที่ 25 ก.ค. 62 หลวงปู่มีอาการทรุดหนักมาก หลวงปู่ได้แจ้งให้ตนและญาติพี่น้องทราบว่า จะกลับไปละสังขารที่วัดบ้านหนองจิก และให้ตนนำหลวงปู่กลับมาที่วัดบ้านหนองจิก หลังจากนำตัวหลวงปู่กลับมาถึงกุฏิวัดบ้านหนองจิกเมื่อเวลาประมาณ  18.00 น.ของวันที่ 25 ก.ค. 62 หลวงปู่ยังไม่ละสังขาร แต่ว่าได้รอลูกศิษย์ ลูกหลาน ญาติพี่น้อง ที่กำลังเดินทางมาหาหลวงปู่ ซึ่งเมื่อทุกคนมาพร้อมกันแล้ว หลวงปู่ได้ละสังขารอย่างสงบเมื่อเวลา 22.24 น.ของคืนวันที่ 25 ก.ค. 62  ซึ่งลูกศิษย์และลูกหลานญาติพี่น้องต่างพากันร่ำไห้ด้วยความอาลัยหลวงปู่  ซึ่งเป็นพระอริยสงฆ์ 6 แผ่นดินที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตาให้กับลูกศิษย์ลูกหาและพุทธศาสนิกชนทั่วไปมาโดยตลอด






สำหรับกำหนดการพิธีการทำบุญสรีระสังขารของหลวงปู่นั้น  ขณะนี้ได้แจ้งให้สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดศรีสะเกษ เพื่อขอพระราชทานน้ำหลวงสรงน้ำสรีระสังขารของหลวงปู่  เป็นการเบื้องต้นไว้ก่อนแล้ว โดยยังไม่ได้กำหนดว่าจะจัดพิธีสรงน้ำวันใด เมื่อได้รับพระราชทานน้ำหลวงมาแล้วจึงจะกำหนดวันเวลารวมทั้งกำหนดการประกอบพิธีต่าง ๆ ด้วย  ซึ่งจะต้องรอนำไปกราบหารือกับพระราชกิตติรังษี เจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ เพื่อเตรียมจัดพิธีทางศาสนาต่อไป  สำหรับประวัติของหลวงปู่แสน ชื่อเดิม ท่านคือ ชื่อแสน นามสกุล คุ้มครอง เกิดเมื่อขึ้น 10 ค่ำเดือน 10 ปีมะแม ตรงกับวันศุกร์ ที่ 11 กันยายน 2451 เป็นบุตรของพ่อเอี้ยง คุ้มครอง และ แม่ผัน คุ้มครอง มี่พี่น้องร่วมมารดา รวม 6 คน หลวงปู่เป็นบุตรคนที่ 2  ปัจจุบันเหลือหลวงปู่ผู้เดียว  พื้นเพเป็นคนบ้างโพง ต.ไพรบึง อ.ขุขันธ์  จ.ขุขันธ์  ปัจจุบันคือ ต.ไพรบึง อ.ไพรบึง จ.ศรีสะเกษ เมื่อครั้งยังเด็กหลวงปู่เป็นลูกศิษย์อยู่ที่วัดบ้านโพงและพี่ชายซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านโพงในสมัยนั้นเลี้ยงดู  และได้บวชเณรให้หลวงปู่แสนที่วัดบ้านโพง ระหว่างบวชเณรได้ไปศึกษาเรียนหนังสือกับหลวงพ่อมุม วัดปราสาทเยอใต้ จนจบ ป.4 และได้เรียนตำราพระเวชจากหลวงพ่อมุมทั้งภาษาขอม ภาษาธรรมบาลี จนกระทั่งเมื่อปี พ.ศ.2471  อายุ 21 ปีได้เข้าบรรพชาอุปสมบท ที่วัดบ้านโพง ได้นิมนต์ หลวงพ่อมุม อินทปญโญ วัดปราสาทเยอ อ.ไพรบึง จ.ศรีสะเกษ เป็นพระกรรมมาวาจาจารย์ ส่วนพระอุปปัชชาคือหลวงพ่อบุญมา ซึ่งอาจารย์ของหลวงพ่อมุม  วัดประสาทเยอเหนือ และระหว่างเป็นพระก็ยังคงเรียนรู้วิชากับพระอาจารย์มุม อย่างต่อเนื่อง

หลวงปู่ได้รับการถ่ายทอดความรู้วิชาอาคมต่าง ๆ จากพระอาจารย์จนมีความเชี่ยวชาญทางด้านวิปัสสนากรรมฐานฝึกจิตให้กล้าแข็งมีสมาธิอันแน่วแน่ เพื่อเป็นพลังสื่อนำมาประกอบการใช้คาถาอาคม หลวงพ่อได้เอาใจใส่ฝึกฝนกับพระอาจารย์เจนจัดเชี่ยวชาญ จนกระทั่งอายุ 24 ปี ได้ลาสิขาบทออกมาเพื่อมาช่วยงานทางบ้านที่มีฐานะยากจน แต่ หลังจากสึกเป็นฆราวาสแล้ว ท่านได้บวชเป็นหมอธรรม บวชกับคุณพ่อธัมญา บ้านหนองหญ้าปล้อง เป็นระยะเวลาหลายปีเพื่อรักษาคน ปฏิบัติธรรม ช่วยเหลือคนเจ็บไข้ได้ป่วย ขณะที่เป็นฆราวาส ระหว่างว่างเว้นจากการทำเกษตรกรรม หลวงปู่ได้ชักชวนเพื่อนๆหมอธรรมเดินทางไปเขมรเพื่อเรียนเพิ่มเติมที่จังหวัดพระตะบอง จ.เสียมราฐ และเมืองศรีโสภณ สมัยจอมพล ป.พิบูลสงคารมเป็นนายกรัฐมนตรี  ได้เข้าพบพระผู้ใหญ่และอาจารย์จากทางเขมรแล้วได้ร่ำเรียนวิชาอาคมมาไม่น้อย หลวงปู่ท่านกลับเลือกเรียนวิชาที่เกี่ยวกับช่วยเหลือผู้คน รักษาคน ต่อมาพอหมดภาระทางบ้านหลวงปู่ได้กลับเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์อีกครั้ง ตอนอายุ  90 ปี บวชที่วัดกุดเสลา ซึ่งมีเจ้าคณะตำบลเป็นพระอุปัชฌาย์ และท่านบวชเป็นพระที่อยู่อย่างสมถะ ไม่มักมาก ไม่ยึดติด เป็นพระนักสร้าง ชาวบ้านกุดเสลาจึงรักและศรัทธาท่านมาก เนื่องจากหลวงปู่ท่านเป็นพระที่มีเมตตาแม้อายุจะย่างเข้า 93 ปีท่านก็ได้ไปจำพรรษาที่วัดบ้านโพงโดยรักษาการตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดในช่วงนั้น วัดนั้นก็จะเต็มไปด้วยลูกวัด ในขณะที่จำพรรษาอยู่วัดบ้านโพงก็ได้ทำนุบำรุงวัดเฉกเช่นวัดอื่น จนอายุ 97 ปี ลูกหลานเป็นห่วงสุขภาพหลวงปู่จึงได้พาชาวบ้านไปนิมนต์หลวงปู่จากวัดบ้านโพงกลับมาจำพรรษาที่วัดหนองจิกจนถึงทุกวันนี้ และท่านก็กลับมาพัฒนาวัดบ้านหนองจิก ดั่งเช่นทุกวัด ปัจจุบันท่านอายุ 112  ปี วัตถุมงคลของหลวงปู่แสน  ท่านได้รับความนิยม อย่างรวดเร็ว ด้วยเนื่องจากวัตถุมงคลของท่านมีประสบการณ์แคล้วคลาดปลอดภัย ผู้นำไปใช้มีโชคลาภมากมาย จึงทำให้ท่านมีชื่อเสียงภายในเวลาอันรวดเร็ว และเป็นที่นิยม แสนนิยม ทั้งในประเทศและต่างประเทศ


















ขอบคุณแหล่งที่มา: https://www.onbnews.today

25/7/62









ในยุคที่ผู้คนนิยมดื่มเครื่องดื่มเย็นมากขึ้น เช่น ชา กาแฟ หรือ น้ำหวานที่ใส่น้ำแข็ง การใช้แก้วเก็บอุณหภูมิ หรือ แก้วสแตนเลส ในการเก็บความเย็นนั้นใช่ว่าจะมีแต่ข้อดีเพียงอย่างเดียว ทุกอย่างมันมี 2 ด้านเสมอ หากคุณคิดว่า การที่หันมาใช้แก้วน้ำสแตนเลสจะมีความปลอดภัยกว่า แก้วพลาสติก เราอยากให้คุณดูเรื่องนี้เป็นตัวอย่าง

มีรายงานจากสื่อต่างประเทศ พบว่ามีผู้ป่ ว ยรายหนึ่ง อายุ 50 ปี ตลอดระยะเวลาการขับรถของเขาเป็นเวลา 30 ปี ร่างกายแข็งแรงเป็นปกติ สุขภาพดี ความจำดี ไม่หลงๆลืมๆ แต่แล้วเช้าวันหนึ่ง เขาก็เกิดอาการ ” B R A I N F A R T “ หรือ ที่เรียกกันว่า ” ต ด ส ม อ ง ” คือสภาวะที่อยู่ๆก็ลืมเรื่องที่คิดขึ้นในใจ เบลอๆ คิดอะไรง่ายๆไม่ออก ลืมว่าเคยวางของไว้ที่ไหน หรือ เผลอทำอะไรแบบต๊องๆโดยไม่คิด เช้าวันนั้นเขาได้ขับรถไป ช น ร้ า น อ า ห า ร

ตอนนั้นเขารู็สึก งงมาก ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร เพราะเขาไม่ได้มีอาการง่วงนอนแต่อย่างใด เขารู้สึกกระปี้กระเปร่าปกติดี ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ แต่ก็โชคดีที่เขาไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่ก็ได้ไปโรงพยาบาลเพื่อทำการตรวจเช็คร่างกาย แล้วพบว่า เ ยื่ อ หุ้ ม ส ม อ ง เ สื่ อ ม นอกจากนั้นยังตรวจพบว่าการทำงานของไตในร่างกายของเขานั้นไม่ดีเท่าที่ควร






เขาจึงได้ถูกส่งตัวไปยังแผนกไตเพื่อทำการตรวจอย่างละเอียดและ รั ก ษ า เมื่อนายแพทย์ “กงย่งเซียง” ตรวจร่างกายเขาแล้ว ก็พบว่า เขามีแนวโน้ม อ่ อ น เ พ ลี ย ได้ง่าย และ ก ลิ่ น ป า ก แ ร ง ทำให้แพทย์วินิจฉัยได้ว่า นี่เป็นปฏิกิริยาของโลหะ และ สุดท้ายก็ตรวจพบว่าเขา ไ ด้ รั บ ต ะ กั่ ว เ ข้ า สู่ ร่ า ง ก า ย ในปริมาณมากเป็นเวลานาน ทำให้เกิดการสะสม

คำถามคือ เขาได้รับตะกั่วเข้าสู่ร่างกายได้อย่างไร ?

แพทย์ได้ซักประวัติการใช้ชีวิตของเขา พบว่า เขามีการใช้แก้วน้ำเก็บความร้อนเย็น มาเป็นเวลานาน ซึ่งแก้วเหล็กของเขามีรอยร้าว และ สนิมมากมาย เขาติดนิสัยเวลาชงกาแฟ เขาจะใช้แก้วเก็บความร้อนเย็นนี้เป็นประจำ เป็นเวลากว่า 20 ปี ดังนั้นเมื่อเขาดื่มกาแฟจากแก้วนี้ ทำให้เขาได้รับโลหะหนัก เช่น ตะกั่วเข้าสู่ร่างกาย เป็นเหตุให้ เ ยื่ อ หุ้ ม ส ม อ ง โ ท ร ม อย่างหนัก และเกิดภาวะ ส ม อ ง เ สื่ อ ม อย่างรวดเร็ว

แพทย์จึงได้ออกมาเตือน เรื่องการใช้ “แก้วน้ำสแตนเลสเก็บความร้อนเย็น” ให้ใช้อย่างระมัดระวัง เพราะอาจจะเกิดผลข้างเคียงกับร่างกายได้ โดยมีประเด็นหลักอยู่ 3 ข้อ

1. แก้วที่ใช้ควรใช้ของที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน อย่าเห็นแก่ของถูกแต่ต้องมานั่งรักษาสุขภาพทีหลัง เพราะ แก้วน้ำสแตนเลสที่มีราคาถูก มักผลิตจากวัสดุคุณภาพต่ำ สารเคลือบในแก้วไม่ทนต่ออุณหภูมิที่มีการเปลี่ยนแปลงขึ้นลงเร็ว ทำให้หลุดมาเจอปนอยู่กับอาหารในภาชนะได้






2. แก้วน้ำสแตนเลสราคาถูก มักมีอายุการใช้งานที่ไม่นาน เกิดรอย แ ต ก ร้ า ว ด้านในจุดที่เป็นรอยเชื่อมต่อได้ง่าย ต้องหมั่นสำรวจดูว่า แก้วที่ใช้นั้นเสื่อมสภาพหรือยัง

3. หากใช้ “แก้วน้ำสแตนเลสเก็บความร้อนเย็น” ใส่เครื่องดื่มที่มีโปรตีน เช่น น้ำเต้าหู้ นมถี่วเหลือง และเครื่องดื่มโปรตีนอื่นๆ ควรดื่มให้หมดภายใน 2 ชั่วโมง ไม่อย่างนั้นอาจจะก่อให้เกิด แ บ ค ที เ รี ย ในแก้วได้ง่าย

4. โปรตีนที่ติดค้างในแก้วน้ำสแตนเลส จะเกิดกลิ่นเหม็ น หากใช้เสร็จควรรีบทำความสะอาดตากให้แห้ ง โดยเฉพาะบริเวณฝาปิด และ เกลียวฝาปิด เป็นแหล่งสะสมคราบ และ ล้างออกได้ยาก ต้องสังเกตุดีๆ ดังนั้นควรล้างทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ข้ามวัน ถึงแม้จะเก็บความเย็นได้ดี ดูเหมือนไม่เป็นอะไร แต่แ บ ค ที เ รี ย ก็เริ่มก่อตัวและแพร่กระจายไปแล้ว



ไม่ว่าคุณจะใช้แก้วน้ำ หรือภาชนะแบบไหน สิ่งสำคัญคือการ รักษาความสะอาดของภาชนะ เพราะเป็นสิ่งที่สัมผัสกับอาหาร เครื่องดื่มที่เรานำเข้าสู่ร่างกายโดยตรง แต่ไม่ต้องเป็นกังวล เพียงแค่คุณหมั่นล้างทำความสะอาดอยู่เสมอ ก็ไม่เป็นอั น ต ร า ย ต่อร่างกายของคุณแล้

ชมคลิป










ขอบคุณแหล่งที่มา: http://bitcoretech.com

23/7/62









คบ ใ ค ร ก็คบได้ แต่จะคบทั้งที ต้องใช้สมoงเลืoกด้วย ไม่ใช่ใช้แค่หั ว ใ จ อ ย่ างดียว อาจจะเ จ็ บ ช้ำ ไปตลoด

ทำมัย ยิ่งเป็นคนดี ถึงยิ่งโดนเอาเปรียบ ได้ยินคำว่า ทำบุญคนไม่ขึ้น มาตั้งแต่เ ด็ ก โตขึ้นถึงได้รู้ว่า โลกนี้มันก็

เต็มไปด้วยคนที่ทำบุญคนด้วยกันไม่ขึ้นทั้งนั้น ทำดีแต่ยิ่งโดนคนม อ งข้าม ทำดีแต่สุดท้ายเขาก็ทำร้ ายเรา เอาเราไปนิ นท า

ทำดีแต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้รักเรา แล้วเราจะเป็น คนดี กันไปทำไม เราต้องร้ าย ต้องแรงถูกมั้ย ถึงจะอยู่

รoดในสังคม ปัญห าแบ บนี้ บางทีก็ไม่ได้อยู่ที่ ความดี หรอก อยู่ที่ คน ล้วนๆ เราและเราต้องเข้าใ จว่า






1 ทำดีได้ แต่ต้องไม่ ฆ่ าตัวเอง

อย่ าเ ล วถึงขนาดฆ่ าคนอื่น แต่ก็อย่ าดีจนฆ่ าตัวเอง ทำดีต้องอยู่บนพื้นฐานของความเป็น คนจริงๆ ของเราด้วย ไม่ใช่เป็นความดี ความเสี ยสละที่เราจำมาจากเทพนิย าย หรือละคร

เพร าะในชีวิตจริง มันจะเป็นการเปิดทางให้เราโดนเอาเปรียบจากคนไม่ดี คนดีไม่ใช่คนโ ง่ คนดีไม่จำเป็นต้องซื่ อหรือยอมโด น ห ล อ ก การทำดีของเราต้องไม่ทำให้ตัวเองเดื o ดร้ oอ นนะ

2 ไม่เสมoไปว่าทำดีกับใคร แล้วจะได้รับสิ่งดีๆ กลับมา

ได้ยินมาเยอะว่า ความรัก ความไว้ใ จ ไม่ใช่ sางวัลตอบแทนความดี เราอ ย ากให้เขาแคร์ เราอ ย ากให้เขาชoบ

เราไม่อ ย ากโดนเ ก ลี ย ด เราเลยทำดีใส่รั วๆ เพร าะถูกสoนมาว่า ทำดีต้องได้ดี เด้ออ แต่ ทำดีได้ดี

มันก็ไม่ต่ างกับ 1 บวก 1 ต้อง เท่า 2 ไง แล้วเราเอาสมการ ต า ย ตัว แบบนี้มาใช้กับ คน ได้เหรอ เราไม่สามารถบังคับใ จใครให้คิด ให้รู้สึกยังไงกับเราได้เลยนะ






เพร าะงั้น อย่ าทำดีให้ใครดู เลย แต่ให้เราทำดีเพร าะมันดี มันถูก และเพร าะเรายังเป็นคนดี บางคนบอกว่า ทีพวกทำดีสร้างภาพมันยังได้ดีเลย

ถ้าคิดจะเอาตัวเองไปเทียบกับคนกลุ่มนั้น ก็ไม่ต้องคิดถึงเรื่อง ความดี แล้ว เพร าะเราก็รู้นี่ ว่าที่เขาทำมันไม่ใช่สิ่งที่ดี

3 โลกไม่ได้เ ห วี่ ย งแต่คนดีๆ มาเจอเรา

เอาจริงๆ โลกมันก็เ ห วี่ ย งเราไปเจอคนทุกประเภทนั้นแหละ ดีเกินร้อย เล วเกินล้ านก็มี ดีกับเราวันนี้ พรุ่งนี้เ ล วใส่เราก็เยอะ

ในเมื่อเราเอาแน่เอานอuกับ คน ไม่ได้ ที่ต้องโฟกัสคือ เวลาจะทำดีกับใคร อ ย่ าใช้แค่ใ จ ใช้ ส ม อ งด้วย

เลืoกคนที่จะทำดีด้วยนิดหนึ่ง ดูให้ชั วร์ว่าใครควรจะได้รับความดีจากเราไปแค่ไหน เราลิมิ ตได้นี่ บางทีที่เราทำบุญคนไม่ขึ้น เพs าะเราอาจเลืoกทำไม่ถูกคนรึเปล่า

4 ปล่oยให้คนไม่ดีเป็นบทเรียนที่ดี

คนทุกคนผ่านเข้ามาในชีวิ ตเพื่อสoนอะไรบางอ ย่ างกับเรา บางทีก็เรื่oงความรัก บางทีก็เรื่องความไว้ใ จ

แล้วเราเองก็สoบตกบ้าง ผ่านบ้าง มันก็เป็นเรื่องธssมดา ปล่oยผ่านได้ ก็ปล่อยผ่านไปบ้าง ไม่ต้องเก็ บเอาคน เ ล ว

ทุกคนมาสะสมเป็นคอลเล็คชั่นไว้ในหัว มันร ก หน้ าที่ของเราคือ เรียนรู้และเติบโตจากคนที่เข้ามาให้ได้มากที่สุด

เท่าที่จะทำได้ดีกว่า สุดท้าย อ ย่ า ทำดีให้พอ เพร าะมันจะไม่มีทาง พอ แต่ควร ทำให้พอดี คือเป็นผู้ให้และผู้รับที่ พอดี

ขอบคุณที่มา คิดเป็น












ขอบคุณแหล่งที่มา: https://sabidee.com

22/7/62









เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.นครพนม สถานการณ์ภัยแล้ง ระดับน้ำโขงลดขั้นวิกฤต ยังส่งผลกระทบต่อเนื่อง หลังระดับน้ำโขง ลดระดับต่อเนื่อง วันละประมาณ 10-20 เซนติเมตร ล่าสุด ระดับน้ำอยู่แค่ประมาณ 1.50 เมตร ห่างจากจุดล้นตลิ่ง กว่า 11 เมตร ถือว่าผันผวนผิดธรรมชาติมากสุดในรอบเกือบ 100 ปี ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อลำน้ำสาขาสายหลัก ลำน้ำอูน ลำน้ำสงคราม และลำน้ำก่ำ ปริมาณน้ำเก็บกักน้อย รวมถึงอ่างเก็บน้ำสำคัญต่างๆ ในพื้นที่ 12 อำเภอ มีปริมาณความจุ แค่ประมาณ 10-20 เปอร์เซ็นต์ เริ่มส่งผลต่อพื้นที่การเกษตร ข้าวนาปีได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ขาดน้ำเสียหาย หากยังไม่มีฝนตกลงมาในช่วงอีกสัปดาห์ คาดว่าจะได้รับความเสียหายหนัก






ขณะเดียวกันผลกระทบจากระดับน้ำโขงลดระดับต่อเนื่อง ได้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติหลายจุด ที่เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความผันผวนของระดับน้ำโขง โดยเฉพาะบริเวณวัดบ้านเวินพระบาท ต.เวินพระบาท อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวศักดิ์สิทธิ์สำคัญ ในช่วงฤดูแล้ง ระหว่างเดือนมีนาคม-เมษายนทุกปี ประชาชน นักท่องเที่ยวจะได้มีโอกาสได้กราบไหว้ขอพรรอยพระพุทธบาทศักดิ์สิทธิ์กลางน้ำโขง อายุราว 2,000 ปี ที่จารึกบนโขดหินกลางน้ำโขง และเป็นที่เคารพนับถือกันมาแต่โบราณ หลังระดับน้ำโขงลดลง ส่งผลให้รอยพระพุทธบาทศักดิ์สิทธิ์โผล่ขึ้นมาหนึ่งปีมีครั้งเดียว แต่มาปีนี้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติ รอยพระพุทธบาทโผล่ช่วงฤดูฝน จากปกติจะจมใต้น้ำโขง และยังสามารถมองเห็นโขดหินที่จารึกรอยพระพุทธบาท ชัดเจนกว่าฤดูแล้ง ซึ่งชาวบ้านในพื้นที่ ระบุว่า ไม่เคยพบเห็นมาก่อนในรอบเกือบ 100 ปี เชื่อกันว่าเป็นสัญญาณเตือนถึงความเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติ ที่อาจจะเกิดภัยแล้งขั้นรุนแรง


สำหรับรอยพระพุทธบาทเวินปลาแห่งนี้ จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ มีความสำคัญมากและถูกบันทึกไว้ในหนังสือใบลานตำนานพระอุรังคธาตุ สมัยสร้างพระธาตุพนมรุ่นแรก หรือกว่า 2,500 ปีมาแล้ว โดยได้ระบุไว้ว่า ครั้งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหลังตรัสรู้ เดินทางมาเผยแผ่พระธรรมในชมพูทวีปลุ่มน้ำโขงล่องมาตามลำแม่น้ำโขง ได้มีเหล่าพญานาคใต้เมืองบาดาล และพญาปลาปากคำ ที่เลื่อมใสในพระพุทธศาสนาได้แปลงกายนิมนต์พระองค์ลงไปแสดงธรรมใต้บาดาล และก่อนที่พระองค์จะเสด็จขึ้นมาโลกมนุษย์เหล่าพญานาค พญาปลาปากคำได้ร้องขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์แทนพระองค์ไหว้กราบบูชา พระพุทธเจ้าจึงได้ประทับรอยพระบาทไว้บนโขดหินแห่งนี้ คือ รอยพระพุทธบาทเวินปลา จนเป็นที่ปรากฏมาถึงทุกวันนี้ ซึ่งจะสามารถมองเห็นและกราบไหว้ได้ในเฉพาะฤดูแล้ง หลังน้ำโขงลด






ด้านนางหลาย ศรีเพ็ง อายุ 68 ปี ชาวบ้านเวินพระบาท ต.เวินพระบาท อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม เปิดเผยว่า ปีนี้ยอมรับระดับน้ำโขงลดระดับผิดธรรมชาติ จากปกติในช่วงฤดูฝนจะล้นตลิ่ง ที่สำคัญยังพบว่าหลังน้ำโขงลดสามารถมองเห็นรอยพระพุทธบาทศักดิ์สิทธิ์กลางน้ำโขงในช่วงฤดูฝน จากปกติตั้งแต่ตนเกิดมาเกือบ 70 ปี ไม่เคยเห็นโขดหินรอยพระพุทธบาทโผล่ช่วงฤดูฝน มีปีนี้ได้เห็นถือว่าผิดธรรมชาติ ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทั้งนี้ จากความเชื่อ ถือเป็นปรากฏการณ์ความเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติ ที่เป็นสัญญาณเตือนว่าจะเกิดปัญหาภัยแล้งรุนแรง เนื่องจากน้ำจากแหล่งน้ำต่างๆ เริ่มแห้งขอด ส่งผลกระทบ พื้นที่นาชาวบ้าน นาข้าว ที่เพิ่งปักดำเริ่มขาดน้ำ หากไม่มีฝนตกลงมาชาวบ้านจะเดือดร้อนหนัก












ขอบคุณแหล่งที่มา: มติชน








เตรียมรับมือให้ดี เทคโนโลยีมาเร็วกว่าที่คุณคิด
เตรียมตัวกันยัง…? ปีหน้าชัดเจนขึ้นแน่นอน

เมื่อก่อน 2G ทำให้.. โทรเลขเลิกใช้ถาวร

ไม่นานมานี้ 3G มา Email ก็มาแทนที่

จดหมาย โทรศัพท์บ้านหดหาย…

4G มา E- book มาแรง คนดูวีดิโอออนไลน์เยอะขึ้น

ธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ร่วง ช่องทีวีหลายๆช่องปิดตัวลง






E- commerce และ ร้านค้าออนไลน์

จะทำให้ร้านค้าพัง ห้างสรรพสินค้าปิดตัวตามๆกันไป…!!

E- Banking ทำเอาพนักงานธนาคารถูกทยอยปลด

ในอนาคตธนาคารจะปิดสาขาเกิน 50%

ธุรกิจถ่ายรูปและกล้อง กำลังจะแพ้กล้องมือถือ

5G จะมาปี 2020 มาพร้อม Fintech , Blockchain,

โหลดหนังยาว 2 ชั่วโมง ไม่เกิน 2 นาที

E-Learning กระทบกับมหาวิทยาลัยแน่นอน…!!

Digital Business และ หุ่นยนต์จะเข้ามาแทนที่

บริษัทลดรายจ่าย และ ปัญหา ด้วยการปรับลดจำนวนคน

มีพนักงานเท่าที่จำเป็นเพราะทุกอย่างจะ run บน internet






จะเกิดอาชีพใหม่ๆ สินค้าใหม่ๆ มากขึ้น

ทุกคนจะซื้อขายกันภายใต้ระบบออนไลน์

โดยไม่ต้องไปทำการเงินผ่านธนาคารอีกต่อไป ….

คำถาม : แล้วคนจะทำงานอะไร…?

คำตอบ : ทุกคนจะเป็นนายตัวเอง ผลิตสินค้า หรือ งานบริการ อาชีพอิสระแบบ freelance และ งานที่ใช้ไอเดีย ใช้ความคิดสร้างสรรค์จะอยู่รอด ครีเอทีฟ นักคิด นักเขียน ขายไอเดีย และ จินตนาการ พวกนี้หุ่นยนต์แทนที่ไม่ได้

ดังนั้น ทุกคนต้องหาตัวเองให้เจอ แล้วทำในสิ่งที่รักที่ชอบให้ดีที่สุด…!! เสาะหาความรู้เรื่อง technology เพราะเราเราต้องอยู่กับมัน…!! เรียนรู้การทำธุรกิจออนไลน์ เพื่อเปิดโลกทรรศน์… และอย่าลืมดูแลร่างกายและจิตใจของเราด้วย เพราะมันคือ ต้นทุนอันประเมินค่าไม่ได้…!!

จำไว้… แท็กซี่ที่ไม่ซื่อสัตย์ จะถูก อู เ บ อ ร์ แย่งงาน

พนักงานที่ไม่ขยัน จะถูกพนักงานใหม่แย่งตำแหน่ง

เถ้าแก่ที่ไม่ขยัน จะถูกแย่งตลาดโดยคู่แข่ง

คนที่ไม่ขยัน จะถูกแทนที่โดยคนที่ยอดเยี่ยมกว่า

ทะนุถนอมสิ่งที่มีอยู่ตรงหน้า ลองทำสิ่งที่ทำได้ในวันนี้

คุณแค่รับผิดชอบในการพยายาม โชคชะตาจะจัดการอนาคตให้คุณเอง










ขอบคุณแหล่งที่มา: เรื่องราวต้นฉบับจาก : ดร.วชิรศักดิ์ จึงสถาพร bitcoretech.com









ปลูกต้นหอมในถาดไข่ ปลูกง่าย โตเร็ว เก็บกินได้นาน

ใครที่อยากจะปลูกกผักสวนครัวเล็กๆ ไว้เก็บกินเองที่บ้านได้ง่ายๆ แต่ไม่มีพื้นที่ในการลงดินปลูก วันนี้เรามีเทคนิคในการปลูกต้นหอม ในถาดไข่กระดาษ โดยคุณ รักษ์ มนัญญา สมเทพ ซึ่งคุณรักษ์ ได้บอกวิธีการปลูกไว้ดังนี้

อุปกรณ์
1. ถาดไข่กระดาษ 5 ถาด

2. หัวหอมจากตลาด 30 หัว (หรือแล้วแต่จะปลูก)

3. ดินและปุ๋ยเล็กน้อย






ขั้นตอนการทำ
1. ขั้นแรกเตรียมถาดไข่กระดาษ 5 ถาด มาวางซ้อนกันไว้ เพื่อให้มีความหนา ที่เลือกใช้ถาดไข่เพราะว่ามันเป็นหลุมและมีช่องว่างสำหรับใส่หัวหอมได้พอดี และยังประหยัดในการซื้อกระถางอีกด้วย

2. ซื้อหัวหอมจากตลาด ถาดไข่จะปลูกได้ 30 หัว ตัดจุกหัวหอมออกเล็กน้อยให้ยอดต้นหอม แ ท ง ขึ้นได้ง่าย และวางใส่หลุมถาดไข่เลย

3. จากนั้นก็รดน้ำให้ชื้น แต่ไม่ต้องชุ่ม แล้วเอาเก็บไว้ในที่ร่ม รอหอม แ ต ก ยอด ค่อยนำถาดไปออกแดด เพราะถ้าหากนำไปออกแดดเลยจะทำให้หอม แ ต ก ยอดช้า

4. หมั่นรดน้ำเช้า เย็น ให้ทั่วถาด ประมาณ 10 วัน จะเห็นหอม แ ต ก หน่อ มีก้านอ่อนๆออกมา หลังจากนั้นค่อยเอาไปให้โดนแดดแบบรำไร ถ้าโดนแดดจ้าเกินไปต้นหอมก็จะไม่งาม






5. ใส่ปุ๋ยด้วยการฉีดพ่นใส่ที่ถาดวางไข่ด้วยปุ๋ยชีวภาพ เพื่อเพิ่มสารอาหาร และ เร่งการเจริญเติบโตของหอม

เมื่อต้นหอมเจริญเต็มที่ ก็สามารถตัดมาทำอาหารได้เลย และเหลือส่วนหัวไว้ให้ต้นหอมงอกขึ้นมาใหม่ได้

ข้อดีของการใช้ถาดไข่กระดาษ คือ มีน้ำหนักเบา ง่ายต่อการเคลื่อนย้ายเวลายกเข้าออกจากแดด และเป็นถาดที่ทำมาจากกระดาษจะทำให้อุ้มน้ำ และเก็บความชื้นได้ดี

เพียงเท่านี้คุณก็สามารถมีต้นหอมไว้ใช้ได้เรื่อยๆจนกว่าจะหมดรอบของมัน ทั้งวิธีการที่ปลูกง่าย ดูแลง่าย และยังประหยัด แถมจะวางไว้เป็นเหมือนไม้ประดับริมระเบียงก็สวยไปอีกแบบ











ขอบคุณแหล่งที่มา: คุณ รักษ์ มนัญญา สมเทพ , เทคโนโลยีชาวบ้าน http://bitcoretech.com

21/7/62










ชัยภูมิ - ทางญาติๆ ทั้ง 2 ฝ่ายเจ้าบ่าว - เจ้าสาว งงกันทั้งงาน อยู่ดีๆ หลังสิ้นพิธีวางสินสอดงานแต่งงานตามประเพณีชาวบ้านเสร็จเรียบร้อย เจ้าสาววัย 14 ปี ขอออกไปทำธุระนอกบ้านกลางงานเลี้ยง แต่จนปัจจุบันตั้งแต่วันที่ 14 ก.ค.ที่ผ่านมา นานนับสัปดาห์ เจ้าสาววัย 14 ปี รายนี้ก็ยังไม่กลับบ้านและไม่ยอมติดต่อกลับทางบ้านอีกเลย!

วันที่ 20 ก.ค.2562  ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนวอนขอความช่วยเหลือจาก นายกล้า  อายุ 38 ปี ผู้เป็นบิดาและญาติๆ  ให้ช่วยนำเสนอข่าวเพื่อช่วยตามหาลูกสาวอายุ 14 ปี ซึ่งหายออกจากบ้านไปกลางงานแต่งงานไปตั้งแต่วันที่ 14 ก.ค.ที่ผ่านมาจนปัจจุบัน ยังไม่ยอมกลับเข้าบ้านและทางญาติๆติดต่อไม่ได้อีกเลยมานานกว่าสัปดาห์แล้ว

 ซึ่งขณะนี้ทางฝ่ายชายเจ้าบ่าววัย 18 ปี ยังนั่งรอเก้ออยู่ที่บ้านของฝ่ายหญิง (งานแต่งงานหรือพิธีผูกข้อต่อแขนวางสินสอดแต่งงานแบบเรียบง่ายโดยมีผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเป็นสักขีพยาน ตามทำเนียมชาวบ้านในภาคอีสานเขตชนบท) จนถึงวันนี้ตั้งแต่งวันแต่งงานเป็นที่เรียบร้อยได้ไม่ถึงวัน ลูกสาววัย 14 ปี ขอออกไปทำธุระนอกบ้านกับเพื่อนจากนั้นก็ไม่เห็นลูกกลับมาบ้านหรือติดต่อกลับมาอีกเลย






โดยนายกล้า ผู้เป็นบิดาของสาว 14 ปี หายออกจากบ้านกลางงานวิวาห์ครั้งนี้  ยังมีอาการเสียใจเอาแต่นั่งซึมร้องไห้ออกมาจนพูดไม่ออกและได้ให้นางติ๋ม  อายุ 50 ปี ซึ่งเป็นป้า ของ ด.ญ.อายุ 14 ปี ของสาว 14 ปี ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่า หลังจากหลานสาวหายตัวออกจากบ้าน กลางงานวิวาห์ครั้งนี้มาจนปัจจุบันครบ 1 สัปดาห์แล้ว หลังจัดงานแต่งเสร็จไม่ถึงวัน และก็ออกจากบ้านไปไม่กลับบ้านมาอีกเลย ทางญาติๆ ติดต่อก็ไม่ได้ ซึ่งหวั่นว่าน้อง ด.ญ.วัย 14 ปี จะได้รับอันตราย


หลังจากที่ทางครอบครัวได้จัดงานแต่งให้กับแฟนหนุ่มอายุ 18 ปี ที่มาสู่ขอไปเมื่อเย็นของวันที่ 14 ก.ค. ที่ผ่านมา โดยได้มีการเตรียมงานในการผู้ข้อต่อแขนตามประเพณีชาวอีสานในชนบท และจัดอาหารเลี้ยงแขกและญาติที่มาร่วมพิธีในวันดังกล่าว แต่เมื่อได้ทำพิธีผูกแขนวางสินสอดเสร็จและเลี้ยงอาหารแก่ญาติๆอยู่ภายในงานนั้น ด.ญ. เจ้าสาว วัย 14 ปี ก็ได้บอกกับทางพ่อและญาติๆใ นครอบครัวว่า จะพาเพื่อนไปเอาเงินที่บ้านเพื่อนแล้วจะกลับม






ซึ่งในเวลานั้น ทางญาติและเจ้าบ่าวที่อยู่ในพิธีก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะทุกคนต่างก็เห็นว่า ด.ญ. อายุ 14 ปี ที่เป็นเจ้าสาว และฝ่ายชายที่เป็นเจ้าบ่าวต่างก็มีท่าทีชอบพอกันดีจึงตกลงจัดงานแต่งงานกันขึ้นครั้งนี้ จนเวลาผ่านไปนานจนค่ำเจ้าสาวเด็กหญิงวัย 14 ปี ก็ได้หายตัวไปจนกระทั่งเช้าอีกวันยังไม่เห็นว่าจะกลับเข้าบ้าน ทางญาติเห็นครบ 24 ชั่วโมงที่หายออกจากบ้านไปนานแล้ว จึงได้พากันเดินทางไปแจ้งความเพื่อลงบันทึกประจำวันแจ้งคนหายไว้ที่ สภ.เทพสถิต

จนมาถึงวันนี้เวลาก็ผ่านไป 7 วันแล้ว เจ้าสาววัย 14 ปี ก็ยังไม่กลับบ้าน และไม่ติดต่อกลับมาทางบ้านเลย ซึ่งทางครอบครัวญาติๆ เป็นห่วงมาก จึงอยากวอนให้สื่อมวลชนช่วยติดตาม และใครพบเห็นหรือรู้เบาะแสว่าลูกสาววัย 14 ปี รายนี้อยู่ที่ใด ช่วยติดต่อกลับมาด่วนที่ เบอร์ 084-0426725 เพราะทางญาติๆ ทางบ้านเป็นห่วงมาก ผู้เป็นพ่อน้องก็เอาแต่ร้องไห้ไม่เป็นอันจะกินจะนอน และในขณะที่ฝ่ายชายเจ้าบ่าวเอง ก็ยังนั่งเสียใจตั้งตารอแฟนสาววัย 14 ปี อยู่ที่บ้านกับพ่อตา ให้กำลังใจซึ่งกันและกันอยู่ในขณะนี้ และยังไม่รู้ชะตากรรมว่าน้องสาว 14 ปี รายนี้เองจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรและไม่รู้ขะกลับมาบ้านเมื่อใดได้

ซึ่งทางญาติฝ่ายหญิงและฝ่ายชาย ต่างก็ไม่ได้ติดใจอะไรกับตัวของ ด.ญ. 14 ปี ครั้งนี้ที่หายตัวไปกลางงานวิวาห์ เพียงแต่อยากให้ ติดต่อมาทางบ้านว่าเป็นสาเหตุอะไรหรือกลับมาที่บ้านก่อน ว่าจะให้ทำอย่างไรต่อ ก็ขอให้มาคุยกันดีกว่าหนีไปโดยไม่มีต้นสายปลายเหตุอย่างนี้เลย ซึ่งทั้ง 2 ฝ่าย รวมทั้งเจ้าบ่าวพร้อมให้โอกาสและให้อภัยเสมอหากมีอะไรในใจผู้ใหญ่ก็ไม่สามารถไปบังคับจิตใจน้องได้

แต่ครั้งนี้ขอให้บอกและกลับมาบ้านเพื่อจะได้รู้สาเหตุที่ชัดเจนกันก่อน เพื่อไม่ให้เป็นข้อครหาไม่ดีต่อครอบครัวอีกเลย ซึ่งชาวบ้านอาจจะมองว่าผู้เป็นพ่อและญาติๆ ส่งลูกสาวหนีหลังเสร็จงานวิวาห์อีกเลย ขอให้ลูกหลานสาววัย 14 ปี ทำอะไรให้คิดก่อนและเห็นใจผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายด้วย

นายกล้า ผู้เป็นพ่อน้องกล่าวทั้งน้ำตาทิ้งท้ายว่า ขอวอนผ่านสื่อด้วยว่าหัวอกคนเป็นพ่อว่าหากลูกเห็นพ่อร่ำไห้แล้ว ก็ขอให้ลูกกลับบ้านเถอะนะ พ่อเป็นห่วงหายออกจากบ้านนานนับสัปดาห์แล้ว เป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ไม่รู้ได้ กลัวลูกจะเกิดอันตรายหรือเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น ขอให้ลูกกลับบ้านนะทุกคนทางบ้านพร้อมให้อภัยเสมอ







ขอบคุณแหล่งที่มา: http://komchadluek.net/news/local/380386








หลายคนชอบดื่มกาแฟเป็นชีวิตจิตใจ ตื่นเช้ามาต้องได้ดื่มสักแก้ว เพื่อเพิ่มความสดชื่นให้ร่างกายก่อนไปทำงาน บางคนก็ไม่ชอบความขมของกาแฟ จึงไม่อยากที่จะดื่มสักเท่าไหร่ แต่คุณรู้ไหมว่า กาแฟนั้น มีประโยชน์มากกว่าช่วยให้คุณหายจากอาการง่วงซึมซะอีกนะ จะมีประโยชน์แค่ไหน ไปดูพร้อมกันเลย

1. ช่วยลดอัตราการเสี่ยงการเป็น โ ร ค หั ว ใ จ

จากงานวิจัยพบว่า คนที่ดื่มกาแฟวันละ 1-2 แก้ว ทุกวัน สามารถช่วยลดความเสี่ยง โ ร ค หั ว ใ จ ได้ถึง 26 เปอร์เซนต์ เพราะในกาแฟนั้น จะมีคาเฟอีน ที่จะไปช่วยลดคอเลสเตอรอลในหลอดเ ลื อ ด ทำให้ไม่เกิดการแข็งตัว และ เกิดการอุดตันน้อยลงอีกด้วย






2. ช่วยเรื่องความจำเสื่อม

มีการทำวิจัย โดยทดลองให้วัยกลางคนดื่มกาแฟวันละ 1 แก้ว ซึ่งสามารถช่วยชะลอความจำเสื่อม และ ลดการเป็น โ ร ค อั ล ไ ซ เ ม อ ร์ ได้ถึง 65 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ในงานวิจัยของอเมริกาเหนือ ได้กล่าวไว้ว่า การดื่มกาแฟ 2 แก้วต่อวัน ทำให้สมงอมีความจำที่ดีขึ้น และ ช่วยเพิ่มความจำระยะสั้นได้ดี มากกว่าคนที่ยังไม่ได้ดื่มกาแฟ และยังช่วยกระตุ้นสมองให้ตื่นตัว และสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

3. ช่วยบรรเทาอาการ ป ว ด ศี ร ษ ะ และ ไ ม เ ก ร น

คาเฟอีนในกาแฟนั้น มีสรรพคุณช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิต และยังช่วยระงับอาการ ป ว ด ศีรษะและอาการของ ไ ม เ ก ร นได้ ใครที่มีอาการ ป ว ด ศีรษะบ่อยๆ หรือเป็น ไ ม เ ก ร น ควรดื่มกาแฟเพื่อช่วยบรรเทาอาการมากๆ






4. ช่วยลดโอกาสเกิด นิ่ ว ใ น ถุ ง น้ำ ดี

คนที่ดื่มกาแฟประมาณ 1-2 แก้วต่อวันหรือมากกว่า จะมีอัตราการเป็น นิ่ ว ใ น ถุ ง น้ำ ดี น้อยลงได้ถึง 50 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว คาเฟอีนนั้นมีฤทธิ์ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบขับถ่าย ซึ่งจะช่วยให้ร่ายกายขับ ส า ร ต่างๆออกมาได้ดีขึ้นนั่นเอง

5. ช่วยป้องกัน ม ะ เ ร็ ง

มีการศึกษาและวิจัยพบว่า คนที่ดื่มกาแฟวันละ 1 แก้ว ต่อวัน เป็นเวลานาน จะสามารถป้องกันการเป็นม ะ เ ร็ ง ใน ลำ ไ ส้ ใ ห ญ่ ได้ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ เพราะในกาแฟมีกรดอะซิติก ซึ่งสามารถช่วยยับยั้งการเกิดเซลล์ที่ผิดปกติ และขจัด ส า ร พิ ษ ภายในร่างกาย ทำให้ลดอัตราการเกิด ม ะ เ ร็ ง ในระยะแรก ของหลายๆชนิดได้

6. ช่วยทำให้อารมณ์แจ่มใส คลายความ เ ค รี ย ด

มีผลการวิจัยที่ยืนยันว่าการดื่มกาแฟ 1-2 แก้วต่อวัน สามารถลดความ เ ค รี ย ด ได้ 15-20 เปอเซ็นต์เลยทีเดียว เพราะคาเฟอีนนั้น จะทำให้เราผ่อนคลาย และคลายกังวลลง จึงทำให้เรารู้สึกหงุ ดหงิ ดน้อยลงเวลาดื่มกาแฟ

7. ช่วยบรรเทาอาการ ห อ บ หื ด

เนื่องจาก ส า ร คาเฟอีนในกาแฟมีฤทธิ์ช่วยระงับความ เ ค รี ย ด ของประสาทสัมผัสสำรอง ซึ่งนั่นเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอาการ ห อ บ หื ด ดังนั้นการดื่มกาแฟเป็นประจำจะสามารถช่วยให้อาการดีขึ้นได้

8. ช่วยสลายไขมัน

การดื่มกาแฟมีประโยชน์ในการช่วยสลายไขมัน เพราะจะไปทำให้ไขมันในอาหารที่เรากินเข้าไปเกิดการ แ ต ก ตัว และจะให้พลังงานทดแทน และยังมีงานวิจัยอีกหลายชิ้นที่บอกว่า กาแฟมีส่วนทำให้น้ำหนักลดลงได้ เพราะจะช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบเมตาบอลิซึม ซึ่งเป็นผลมาจาก ส า ร คาเฟอีนนั่นเอง

9. ช่วยทำให้ความสามารถในการเล่นกีฬาดีขึ้น

คาเฟอีนเป็น ส า ร สำคัญในกาแฟที่ช่วยลดอาการ ป ว ด ของกล้ามเนื้อได้ถึง 40 เปอร์เซ็นต์ และยังช่วยบรรเทาอาการล้าของกล้ามเนื้อในกลุ่มนักกีฬาหรือหลังการออกกำลังกายได้ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงมากทีเดียว ดังนั้นใครที่ชอบออกกำลังกาย ก็ลองดื่มกาแฟดูนะ มันช่วยได้

10. ช่วยทำให้ร่างกายตื่นตัวสดชื่น

แน่นอนว่าคนส่วนใหญ่ที่เลือกดื่มกาแฟ ก็เป็นเพราะต้องการให้ร่างกายนั้นตื่นตัว และหายจากอาการง่วงซึมในช่วงเช้าก่อนไปทำงาน หรือดึกๆในช่วงอ่านหนังสือสอบ เพราะคาเฟอีนมีฤทธิ์ ก ร ะ ตุ้ น ป ร ะ ส า ท ส่วนกลาง ทำให้ร่างกายที่อ่อนล้ากลับมาสดชื่น หายอ่อนเพลีย และยังมีการทดสอบกับนักกีฬา โดยนักกีฬานั้นสามารถฝึกซ้อมได้นานขึ้นแต่ไม่เกิน 1 ชั่วโมง เพราะมีความตื่นตัวในระยะสั้นๆ

11. ช่วยชะลอความ ช ร า

เพราะคาแฟจะมี ส า ร ต้านอนุมูลอิสระสูงซึ่งมีสรรพคุณช่วยให้เซลล์ผิวแข็งแรง ป้องกันริ้วรอ ย ไม่ให้ดูแ ก่กว่าวัย และยังช่วยฟื้นฟูผิวจากแสงแดด นอกจากนี้ยังช่วยกระชับรูขุมขนได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย ใครที่เป็นสายความสวยความงามต้องลองกันเลยแหละ

12. ช่วยลดการเป็น เ บ า ห ว า น

ซึ่งมีงานวิจัยตีพิมพ์ในวารสา รโภชนาการทางการแพทย์ระบุไว้ว่า คนที่ดื่มกาแฟวันละ 1-2 แก้ว จะมีความเสี่ยงที่จะเป็น เ บ า ห ว า น ต่ำกว่าคนที่ไม่ดื่มเลยถึง 60 เปอร์เซนต์ เพราะในกาแฟจะมี ส า ร ต้านอนุมูลอิสระ แบบเดียวกับที่มีในองุ่น และในกาแฟยังมีมากกว่าในผลบลูเบอรี่ซะอีก

รู้อย่างนี้แล้ว ใครที่ไม่เคยดื่มกาแฟ ก็ลองหันมาดื่มกันดูนะคะ แต่ถ้าจะให้ดีควรดื่มกาแฟดำเพียวๆ จะดีกว่ากาแฟที่ใส่ครีมเทียม หรือ น้ำตาล เพราะ จะส่งผลดีต่อสุขภาพ และ ได้ประโยชน์จากกาแฟมากกว่า สุดท้ายจะรับประทานอะไรก็ขอให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ไม่มาก และไม่น้อยจนเกินไป จะดีที่สุด











ขอบคุณแหล่งที่มา:

20/7/62









ลูกทุ่งชื่อดัง “ไผ่ พงศธร” พักทางโลก มุ่งทางธรรม นุ่งขาวห่มขาว บวชปฏิบัติธรรมถือศีล 8 เติมพลังชีวิต ชาวเน็ตร่วมอนุโมทนาบุญ

เป็นอีกหนึ่งนักร้องลูกทุ่งเสียงดีที่มักจะมีเรื่องราวสุดประทับใจมาให้แฟนๆ ได้ติดตามอยู่ตลอด สำหรับหนุ่ม“ไผ่ พงศธร” ที่ล่าสุดเจ้าตัวขอสวมชุดนุ่งขาวห่มขาว ปฏิบัติธรรมถือศีล 8 เนื่องในวันเข้าพรรษา ก่อนจะอัปเดตเรื่องราวให้ได้เห็นผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว






โดยหนุ่ม “ไผ่ พงศธร” ได้เผยความรู้สึกด้วยว่า“บวชปฏิบัติธรรมถือศีล 8 ระยะเวลา3วันครับ ในวันเข้าพรรษา ค้นหาตัวเอง พักร่างกาย เพื่อเติมพลังให้กับร่างกาย สิได่มีแฮงสู้ต่อครับ วันแรกของการปฏิบัติธรรม หัวหน้าผู้มุ่งมั่นในความดี และทำความดี สะสมไปเรื่อยๆ ดีกว่าไม่ทำเลย เก็บภาพมาฝากทุกๆ คนเด้อครับ” ทำเอาแฟนเพลงหลายคนในโลกออนไลน์ต่างเข้าไปคอมเมนต์อนุโมทนาบุญเป็นจำนวนมาก





















ขอบคุณแหล่งที่มา: http://news.ch3thailand.com









เรียกได้ว่าเป็นอีกสิ่งหนึ่ง ที่หลายคนคิด และอยากจะทำมานาน นั่นคือการทำ แปลงผักสวนครัว ที่เต็มที่ด้วยชนิดที่เราชอบไว้เด็ดทานกันแบบสดๆ แถมยังปลอดสารพิษ และสำหรับบ้านไหนที่มีพื้นที่ค่อนข้างจำกัดจนถึงปานกลาง เรามีไอเดียการทำสวนผักขนาดต่างๆ มานำเสนอ ในวันนี้มีทั้ง 80 แบบ จะมีแบบไหนนั้นไปดพูกันเลย






















































ขอบคุณแหล่งที่มา: http://www.ourinsider.com

Blog Archive

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

Recent Comments

Formulir Kontak

ชื่อ

อีเมล *

ข้อความ *

recent posts

flickr photos

About us

recent posts

?ิ??ี่?ี่ ????????์

Random Posts

ข่าวยอดฮิด

Follow on twitter

Follow on Fanpage

Follow Me

Recent Posts

Flag Counter

Recent Posts

Text Widget